INSPIRING FEMALE ประจำเดือนพฤศจิกายน 2558
กลับมาพบกับ Inspiring Female เดือนพฤศจิกายนกันอีกครั้ง สำหรับเดือนนี้ เรานำเสนอถึงคนรุ่นใหม่ หรือ New Generation กลุ่มคนรุ่นใหม่สมัยนี้มีความสามารถรอบด้าน รวมถึงโอกาสในยุคนี้ที่ค่อนข้างเปิดกว้างให้คนหนุ่มสาวได้แสดงออกถึงศักยภาพ ในวันนี้ถือเป็นฤกษ์ดี เราได้นำนิสิตสาวจากรั้วจามจุรีมาให้เพื่อนๆ ได้รู้จักกัน เธอไม่ใช่ดารา ยังไม่มีใครรู้จัก แต่เราต้องการให้เห็นว่าคนธรรมดาๆ ก็สามารถทำสิ่งที่พิเศษได้ ไม่จำเป็นต้องโด่งดัง เราทำได้เพียงแค่กล้าที่จะลงมือทำ
Inspiring Female ของเราคนนี้ที่เราต้องการจะให้เป็น Inspiration ของน้องๆ รุ่นใหม่ที่กำลังศึกษาอยู่ และมีความสนใจในสายการออกแบบเสื้อผ้า หรือ Fashion Design เป็นพิเศษ เป็นวัยรุ่นมันเหนื่อยค่ะ ทั้งความกังวล สับสน และ ความกลัว เราลองมาทำความรู้จักสาวน้อยของเราคนนี้กันดูนะคะว่า นางไม่ธรรมดาอย่างไร
แนะนำตัวสักนิดนะคะว่า คุณเป็นใคร?
“สวัสดีค่ะ ชื่อ น.ส.จารุต์ปกรณ์ วงศ์รัตนวรรณ ชื่อเล่นชื่อ น้ำ ค่ะ ตอนนี้เรียนอยู่ที่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะศิลปกรรมศาสตร์ เอก แฟชั่นดีไซน์ ปี 4 ค่ะ”
ตั้งแต่ปี 1 ถึง ปี 4 ที่อยู่ในรั้วของจุฬา น้องน้ำเคยทำกิจกรรม ประสบการณ์ หรือเคยไปที่ไหนที่เกี่ยวกับสายงานที่เราเรียนแบบเจ๋งๆ มาแชร์ให้ฟังบ้างมั้ยคะ?
“เคยได้ลองทำงานมาหลายรูปแบบค่ะ ไม่ว่าจะเป็นงานด้าน Stylist ก็เคย ทำงาน Fashion Photoshoot ถ่ายภาพ หรือว่าแม้กระทั่งงานออกแบบดีไซน์ ที่เป็นงานหลักที่คณะเราต้องทำอยู่แล้ว ก็เรียกได้ว่า เคยลองทำมาหลายสายงานค่ะ”
ทำมาหลายงานแบบนี้นี่ เริ่มทำตั้งแต่ตอนเรียน ชั้นปีไหนคะ?
“…. เริ่มทำตั้งแต่ตอนปี 2 ค่ะ คือ เหมือนกับว่ารู้จักกับรุ่นพี่ในคณะ เพราะว่ารุ่นพี่ที่นี่ส่วนใหญ่ก็อยู่ในวงการและมาจากคณะเดียวกัน เขาก็จะมี Connection ชักชวนเราว่าลองมาทำดูไหม ด้วยความที่เราเองก็มีเวลาว่างพอดี แล้วรู้สึกสนใจเลยตกลงลองทำดู นอกจากที่รุ่นพี่แนะนำ ก็มีอีกหลายๆงานที่เราเองก็หาเอง เช่น การประกวดต่างๆ เลยกลายเป็นโอกาสใหม่ๆ เป็นการเปิดโลกใหม่ๆ ได้รู้จักคนเยอะมากขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ”
งานไหนที่ตั้งแต่เคยลองทำมาแล้วรู้สึก Peak ที่สุดคะ?
“ก็มีงานที่เป็น Fashion Photoshoot ค่ะ เป็นทั้งคนออกแบบเอง แล้วก็ต้องทำเป็นโปรเจ็คขึ้นมา เป็นช่วงโปรเจ็คตอนปี 2 ซึ่งจะเป็นช่วงที่ได้ลองทำงานหลายอย่าง “
ที่บอกว่า ออกแบบเองนี่ ออกแบบอะไรคะ?
“เป็นการออกแบบเสื้อผ้าค่ะ คือ เริ่มต้นจากการออกแบบเสื้อผ้า ทำ Sketch ขึ้นมา แล้วก็ตัดออกมาเป็นชุดจริง พอออกมาเป็นชุดจริงเสร็จ เราก็ต้องเอามาทำเป็นลักษณะของ Look Book ค่ะ ก็ได้ไปหา Location เอง ได้ไปออกกองเอง แล้วก็เป็นคนทำ Styling เองไม่ว่าจะเป็นหน้า ผม ทุกอย่างเราต้องทำเองหมด เลยค่อนข้างที่จะชอบงานนี้เป็นพิเศษ”
จากโปรไฟล์ เห็นว่า เคยไปช่วยงานของ “พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์” ด้วยใช่ไหมคะ?
“ใช่ค่ะ ก็ได้มีโอกาสไปช่วยงานของพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ คือ เป็นแบรนด์ของท่าน ท่านเปิดแบรนด์ที่มีชื่อว่า “สิริวัณณวรี” (Sirivannavari) ไปช่วยในส่วนของการเตรียมโชว์ของท่าน ในช่วงเวลา 2 อาทิตย์ก่อนเริ่มโชว์ ไม่ว่าจะเป็นทั้งการช่วยท่านดูส่วนต่างๆ แบบข้างๆ ท่านเลยค่ะ เกี่ยวกับรายละเอียดของเสื้อผ้า การจัดเรียง Collection การ Run up ของโชว์ แล้วก็อีกเยอะค่ะ ได้ไปทำมา 2 ปีละค่ะ”
เห็นรูปในโปรไฟล์เคยไปอยู่ที่ประเทศเกาหลีมาด้วย คือ ไปทำอะไรมา แล้ว ไปที่นั่นได้อย่างไรคะ?
“ได้ทุนของ Magazine “Fine Art” ค่ะ เป็นทุนที่เขาเรียกกันว่าการ Residency ค่ะ ให้คนที่เป็น Artist ไปใช้ชีวิตอยู่ที่ต่างประเทศ ได้มีโอกาสไปทำความรู้จัก ได้ไปอยู่ในสังคม ได้รู้จักกับเพื่อนอะไรแบบนี้ค่ะ ระยะเวลาประมาณ 2 เดือนค่ะ “
ตอนนี้น้องเป็น ฟรีแลนซ์ อยู่ที่ไหนยังไงคะ?
“ทำอยู่ที่ Magazine Harper Bazaar Thailand ค่ะ”
Magazine Harper Bazaar Thailand เป็นนิตยสารเกี่ยวกับอะไรคะ?
“เป็น Magazine แฟชั่นที่ค่อนข้างมีกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้เสพแฟชั่นจริงๆค่ะ ซึ่งจะเน้น Content และความเป็นแฟชั่นสูงมากค่ะ”
โอเคค่ะ จากการที่เราเลือกน้องน้ำมาเป็น Inspiring Female of The Month เลยอยากจะถามว่า น้องน้ำมีใครเป็นไอดอล หรือ แรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตไหมคะ?
“ส่วนใหญ่จะได้แรงบันดาลใจจากบรรยากาศรอบๆตัว สถานการณ์ ณ เวลานั้นๆ จะไม่เป็นคนที่ยึดติดกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งนานๆ ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามบรรยากาศ หรือ ณ เวลาตอนนั้นมันให้ความรู้สึกแบบนั้น เราก็จะเกิดภาพหรือ Inspiration มาจากสิ่งนั้นค่ะ”
แล้วในส่วนของงานนี่ มีใครเป็นไอดอล หรือ Inspiration หลักๆ บ้างไหมคะ?
“ไม่มีใครเป็นไอดอลหลักค่ะ คือ ไม่ได้มีใครที่ชื่นชอบเป็นหลัก มันแล้วแต่เวลา กับจังหวะด้วยค่ะ เช่น ช่วงเวลานี้ เราต้องการคนที่จะมา Give Strength เราแบบนี้ เราก็จะไปโฟกัสที่คนๆ นั้นที่เรารู้สึกว่า เฮ่ย คนนี้มันดีกับเราช่วงนี้ แต่พอถึงเวลาผ่านไปแล้วเรารู้สึกว่า เราพอแล้วกับเรื่องนี้และเราได้มีโอกาสไปเจอคนใหม่ๆ ที่เขาสามารถให้ข้อคิดดีๆ ในเรื่องแบบนี้ ณ เวลานั้นอีก เราก็จะให้เขาเป็นไอดอลของเราในตอนนั้นค่ะ”
แล้วเราจะหาคนๆ นั้น ในจังหวะนั้นได้อย่างไรคะ?
“ส่วนใหญ่คนที่จะมาเป็น Inspiration ให้น้ำจะเป็นศิลปิน ไม่ก็เป็นคนที่มีชื่อเสียงในวงการแบบที่ ทุกคนรู้จักอยู่แล้วค่ะ อาจจะเจอเขาโดยบังเอิญจากนิตยสารบ้าง หรือเจอในทีวีบ้าง หรือไปได้ยินมาแบบมีคนเล่าให้ฟัง มันก็แล้วแต่สถานการณ์ค่ะ”
เป็นทั้ง นิสิตชั้นปีที่ 4 ที่ต้องเตรียมThesis เป็น Freelance แล้วยังต้องเรียนอีก มีวิธีการจัดการเวลาอย่างไรคะ เช่น ในหนึ่งสัปดาห์ แบ่งเวลาให้ทั้งสามหน้าที่นี้อย่างไร?
“ก่อนอื่นเลย ถ้าสมมติว่า เริ่มต้นวันจันทร์ มีอาจารย์มอบหมายงานมาให้ ซึ่งส่วนใหญ่งานที่คณะ มันเป็นงานที่ทำอาทิตย์ต่ออาทิตย์ คือ อาทิตย์นี้ทำ อาทิตย์หน้าส่ง ถ้าสามารถทำได้เลย ก็จะเคลียร์งานตั้งแต่เนิ่นๆ เช่น ถ้าได้รับมอบหมายงานมาในวันนั้น ก็จะเริ่มทำตั้งแต่เย็นวันนั้นเลย ได้ซัก 30% ก็ยังดี แล้วที่เหลือก็ควรทำให้เสร็จก่อนวันพุธ เผื่อว่า วันพฤหัสบดี กับศุกร์อาจจะมีงานอื่นเข้ามาอีก แล้วเก็บวันหยุดเอาไว้สำหรับทำงาน Freelance เคลียร์งาน และ เตรียม Thesis ค่ะ”
เคยมีอารมณ์ประมาณว่า เฮ่ยยยแบบ ไม่อยากทำแล้ว เอาไว้ก่อนละกันบ้างไหมคะ?
“มีทุกวันค่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
แล้วทำอย่างไรให้ดึงตัวเองกลับมาทำงานได้ต่อคะ?
“พอมานึกๆ ดูแล้ว อย่างที่เราทำ Freelance ทุกวันนี้เรามีเหตุผล เรามองไปถึงอนาคตว่าตอนนี้เราเป็นแค่นักศึกษา แต่มีโอกาสได้เป็น Freelance ถึงจะยังไม่ได้เป็นงานประจำ แต่ว่าในอนาคตอะไรมันจะเกิดขึ้นก็ได้ เพราะฉะนั้นก็เลยรู้สึกว่า เราต้องพยายามตั้งใจและ Keep Connection กับที่นี่เอาไว้ ก็อย่างที่รู้ๆกันว่า เราทำหรือไม่ทำ สุดท้ายแล้ว Credit ก็คือตัวเรา ถ้าเราไม่ทำมันก็ไม่ดีที่ตัวเรา เพราะฉะนั้นเลยรู้สึกว่าข้อนี้มันคอยย้ำเราตลอดเวลา จะทำดีหรือทำไม่ดี จะทำหรือไม่ทำ ยังไงสุดท้ายแล้วมันไม่มีใครได้ผลดีผลเสีย มันคือตัวเราทั้งหมด ก็เลยทำให้น้ำมีความตั้งใจขึ้นมาได้ค่ะ”
แล้วจากทั้งหมดที่เคยทำมาทั้งงานหลักตามคณะที่เราเรียนหรืองาน Freelance คิดว่างานสายนี้ มันใช่เราแล้วหรือยังคะ?
“ถ้าถามว่า ทางที่เรียนมาใช่รึเปล่า ทางที่เรียนมาจะเกี่ยวกับงานดีไซน์ ซึ่งแรกๆ ก็ชอบ แต่พอเรียนไปเรียนมาก็เหมือนกับเราได้เปิดโลกว่า จริงๆ แล้วโลกของวงการแฟชั่นมันไม่ได้มีแค่การดีไซน์ และก็ได้ไปลองทำงานหลายแขนง ทำให้รู้สึกว่าชอบงานที่นอกเหนือจากการดีไซน์มากกว่า ก็เลยได้เลือกมาฝึกงานที่ Magazine Harper Bazaar Thailand แล้วหลังจากนั้นก็ได้รับโอกาสมาเป็น Freelance ต่อ ก็เลยรู้สึกว่าชอบงานด้าน Magazine และ Stylist มากกว่าการดีไซน์ แต่มันก็ยัง Scope อยู่ในวงการแฟชั่นค่ะ”
แผนในอนาคตของน้องน้ำคืออะไรคะ?
“ช่วงที่ทำ Thesis เนี่ยมันเป็นช่วงที่ค่อนข้างเครียด เลยรู้สึกว่า หลังจากที่เรา ทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว อยากจะให้เวลาตัวเองค้นหาให้เจอสิ่งที่ตัวเองอยากทำสักพัก แล้วหลังจากนั้นก็คงจะยังทำงานอยู่ที่ Magazine Harper Bazaar Thailand นี้ต่อไปเพราะว่า รู้สึกชอบอะไรบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความเป็น Identity ของ Brand และทุกๆ อย่างที่เป็น Harper Bazaar Thailand ค่ะ”
อะไรที่ทำให้น้องน้ำเลือกเรียนทางด้านแฟชั่นนี้คะ?
“ถ้าจะให้พูดตรงเลย คือ เริ่มต้น ที่ ไม่ชอบเลขมากๆ แต่ชอบวาดรูป เลยลองมาคิดว่า ถ้าแค่ชอบวาดรูป เราจะเอาไปใช้อะไรได้ คือในมุมมองของเรา เราคิดว่าแขนงของการวาดรูปมันมีหลายอย่าง เราก็เลยลองไปค้นหาดูว่า เราอยากจะเข้าไปเรียนแบบไหน สถาปัตย์ดีไหม แต่พอคิดไปคิดมา เรารู้สึกว่า คณะสถาปัตย์เป็นคณะที่ทุกอย่างมันต้องเกิดขึ้นจริงได้ ทุกอย่างมันต้อง Realistic เลยค้นหาต่อจนเจออีกสายหนึ่ง ก็คือสายที่เกี่ยวกับการออกแบบเสื้อผ้า ทำให้รู้สึกว่า สิ่งที่ไม่น่าจะเป็นจริงได้ จริงๆ แล้ว เราสามารถสร้างมันขึ้นมาได้ โดยที่เราไม้ต้องอิงความเป็นจริงมากเกินไป แต่มันก็ยัง Scope อยู่ในเรื่องของศิลปะอยู่ดีค่ะ”
มีความคิดเห็นอย่างไรกับคำพูดที่ว่า “เป็นเด็กควรเรียนอย่างเดียว อย่าพึ่งคิดเรื่องทำงาน”
“ฮืมม .. รู้สึกอย่างไร ถ้าเป็นเด็กควรเรียนอย่างเดียว อย่าพึ่งคิดเรื่องทำงาน แต่ถ้าโอกาสมันวิ่งมาตรงหน้า แล้วเราสามารถ Afford มันได้ เรารู้ตัวเองตลอดเวลาว่าเราทำอะไรอยู่ เรารู้ว่าถ้าเรารับโอกาสนั้นเข้ามาทำแล้วเราทำได้มันก็จะเป็นผลดีต่อเรา คือมันไม่จำเป็นเลยว่า ต้องเรียนจบก่อนเท่านั้นถึงจะทำงานได้ค่ะ”
สุดท้ายนี้อยากจะฝากอะไรให้น้องๆ หรือวัยรุ่น หรือ คนอื่นๆ ที่อยากจะเป็นแบบเรา อยากจะเรียนและทำงานแบบนี้ แต่ยังไม่มีความกล้าที่จะก้าวออกมาทำแบบนี้บ้างคะ?
“การจะเริ่มต้นทำอะไรซักอย่าง ต้องเริ่มจากการไม่กลัวที่จะทดลองทำสิ่งนั้นๆ ถึงแม้ในใจจะมีความกลัว ทุกคนมีความกลัวอยู่แล้วแน่นอน ถ้าสมมติมีคนบอกว่า ให้ไปลองทำอย่างนี้ไหม เราอาจจะ โอ๊ย!! กลัวว่าเราจะทำได้ไม่ดี มันจะใช่หรอ เราก็จะไม่ได้อะไรเลย สู้แบบ เราทดลองทำไปก่อนเลยลองลุยไปก่อนดู แล้วค่อยกลับมามองดูว่ามันใช่หรือเปล่า เกิดจับพลัดจับผลูขึ้นมาว่า ทางที่เราลองทำมันใช่เราจริงๆ ก็ถือว่าเป็นแจ็คพอตของเราที่เราเจอตัวเองเร็วกว่าคนอื่น
อยากจะแนะนำว่าถ้าเข้ามามหาลัยแล้วได้มีโอกาสรู้จักคนเยอะ มี Connection เยอะ มีคนชวนไปทำงานในสายแขนงต่างๆ ก็อยากให้ทดลองทำดู ไม่ต้องไปกลัวว่ามันจะเสียหายอะไร ให้คิดทุกอย่างแบบ Positive ว่ามันมีแต่ได้กับได้ ถ้าสมมติว่า เป็นเรื่องไม่ดี ก็ถือว่าเราได้เรียนรู้ แต่มันเป็นเรื่องที่ดีก็ต่อยอดได้ ก็อยากให้ กล้าๆ ลองทำค่ะ”
เรื่องอื่นๆ ที่คุณอาจชอบ
Sukiez
Latest posts by Sukiez (see all)
- Inspiration People of The Month – ครูลูกกอล์ฟ แห่ง Angkriz - November 10, 2016
- คำว่า “ลอยกระทง” ในภาษาอื่นๆ จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร Loy Krathong - November 8, 2016
- วิธีสร้างบรรยากาศในการเรียน Creative Study! - November 4, 2016