“มหาวิทยาลัย” สถานศึกษาระดับสูงที่ให้ความรู้กับเหล่านิสิต นักศึกษา หรือ “ปัญญาชน” นอกจากวุฒิทางการศึกษาและวิชาความรู้ที่เราจะได้ติดตัวมาหลังจบการศึกษาแล้ว หลายๆ คนคงจะได้เรียนรู้ รวมถึงได้รับ “บทเรียน” ของอีกหนึ่งวิชา นั่นก็คือ “วิชาการใช้ชีวิต” ซึ่งไม่มีในแผนการศึกษาหรือระบบลงทะเบียน การใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย มีความต่างจากมัธยมปลายอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นสังคม ที่เราจะต้องเจอคนอีกมากมาย ร้อยพ่อพันแม่ เข้ามาให้เรียนรู้นิสัย
#เก่งขึ้นCB
เรียกได้ว่า “รู้คน” แบบชัดแจ้งเห็นจริงได้อย่างแน่นอนในมหาวิทยาลัย การจัดการตารางชีวิต ชิวไปก็ไม่จบ แน่นมากไปก็จบไม่ได้เช่นกัน มหาวิทยาลัยถือเป็นสนามจำลองการใช้ชีวิตที่ดีที่สุด ก่อนที่เราจะต้องออกมาใช้ชีวิตในโลกแห่งความจริง เพื่อความไม่ประมานทค่ะ วันนี้ Sukiez เลยไปเสาะหาตัวอย่างวิธีการใช้ชีวิตให้สนุกในรั้วมหาลัย เผื่อว่าน้องๆ จะได้เตรียมตัวถูกเมื่อถึงเวลาเข้าไปใช้ชีวิตในนั้นจริงๆ
ปล. แต่ละคนก็มี Life style และ วิธีเอาตัวรอดของตัวเอง นี่เป็นแค่คำแนะนำเฉยๆ นะคะ ไม่ต้องทำตามทุกอย่างก็ได้ สามารถนำไปปรับใช้กับความเป็นตัวของตัวเองได้ค่ะ
ปล 2. ขออนุญาตใช้คำว่า “มหาลัย” แทนคำว่า “มหาวิทยาลัย” เพื่ออรรถรสในการอ่านนะคะ
หาเวลาว่างศึกษาจากซีรีส์
“ดูละครแล้วย้อนดูตน” ส่วนใหญ่ ละครก็นำมาจากชีวิตจริงทั้งนั้นแหละค่ะ บางครั้ง ชีวิตจริงกลับเน่ากว่าละครเสียอีก ที่ Sukiez แนะนำให้ดูซีรีส์ เพราะบางเรื่อง ก็สะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้นในมหาวิทยาลัย และส่วนใหญ่ เขาก็จะสอดแทรกทางแก้มาให้เรียบร้อยก่อนจบตอน ถ้าตอนจบไม่ดี เราก็หาวิธีหลีกเลี่ยงซะ จะได้ไม่เป็นเหมือนตอนจบ เรียกว่านำสื่อบันเทิงมาเป็นบทเรียน ผ่อนคลาย เพลิดเพลิน เรียนรู้ สวยๆ ค่ะ
ไปหาคววามรู้ในห้องสมุดบ้าง
นศ.บางคน ไม่เคยเหยียบเข้าไปในห้องสมุดเลยด้วยซ้ำ บางคนก็ใช้ห้องสมุดเป็นแค่ที่นัดเจอเพื่อนฝูง หรือที่จู๋จี๋กับแฟน ถ้าคุณไม่เคยใช้ประโยชน์จากหนังสือ คอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์อื่นๆของห้องสมุดเลย Sukiez แนะนำให้ไปลองซะนะคะ มันอาจจะช่วยให้คุณได้ A ในวิชาที่แทบจะเอาตัวมิรอดก็เป็นได้ค่ะ
ออกปาร์ตี้อย่างเมามันแต่ยังจำทุกอย่างได้
ชีวิตเกิดมาครั้งเดียว ใช้ให้คุ้มนะคะ จากประสบการณ์ตรงของ Sukiez เนี่ย สมัยที่ Sukiez เป็นนศ.ชั้นปีที่2 บอกเลยว่า เข้าผับแทบจะเท่ากับกลับหอนอนเลยละค่ะ ประโยชน์ของการเที่ยวกลางคืนก็มีนะคะ นอกจากผ่อนคลายและได้ออกกำลังกายแล้ว เรายังได้รู้จักผู้คน มี Connection มากขึ้น แต่สำหรับขอนี้ Sukiez คงต้องขอยื่นกฎเหล็กคือ “ห้ามเมาจนจำอะไรไม่ได้” แบบนั้นก็อันตรายเกินไปนะคะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความปลอดภัย หรือจะตื่นไปเรียนไหวไหม แถมน่าเสียดายน่าดู ถ้าคุณจำไม่ได้ว่า คนไหนเป็นเพื่อนใหม่ของคุณ ใช้ชีวิตให้คุ้ม แต่ต้องมีสตินะคะ
อย่าใส่ชุดซ้ำๆ
อยู่ในมหาลัย แต่ใส่กางเกงวอร์ม เสื้อแจ๊คเก็ตทุกวัน คงเป็นอะไรที่น่าเย้ายวนชวนมองใช่ไหมคะ??? ไม่ๆๆๆๆๆ ค่ะ พอนะคะ จริงอยู่นะคะ ที่บ้านเรามีแบบฟอร์มชุดนักศึกษา ที่สวยงามและดูสุภาพ แต่บางมหาลัยก็ไม่ได้ซีเรียสเรื่องเครื่องแบบ (มหาลัยไหนเคร่งครัดเรื่องการแต่งกายก็ ข้ามข้อนี้ไปนะคะ ทำตามกฎระเบียบของมหาลัยดีกว่าค่ะ) เพราะฉะนั้น พยายามหลีกเลี่ยงการแต่งตัวแบบ ซ้ำๆ ซากๆ ซะนะคะ การมี Look ใหม่ๆ ทุกวันจะช่วยเพิ่มความสดชื่นให้ทั้งตัวเราและคนรอบข้างที่พบเจอเราด้วย ทั้งนี้ทั้งนั้น จะแต่งแบบไหน ก็อย่าลืมให้เกียรติสถานที่ด้วยนะคะ
หาเพื่อนในแต่ละ Class ให้ได้
เวลาเรียนในวิชานั้นจะดูหมดไวเมื่อเรามีเพื่อนนั่งด้วย นั่นคือเหตุผลว่าทำไม คุณควรมีเพื่อนในทุกๆ วิชาที่เรียน อาจจะไม่ต้องสนิทสนมมากถึงขึ้นไปมาหาสู่กันที่ห้องพัก แค่พูดคุย แลกเปลี่ยนความเห็นกันในคาบเรียน หรือเอาไว้ติดต่อในกรณีมีงานและเหตุฉุกเฉินต่างๆ ให้เป็นเพื่อนร่วมห้องที่รู้จักกัน Sukiez ว่ามันก็ กรุบกริบดีนะคะ
ทานเมนูใหม่ๆในแต่ละอาทิตย์
“กะเพราไก่ไข่ดาว” ที่เรารู้จักกันดี ต่างชาติคิดว่า นี่คือเมนูยอดฮิต แต่คนไทยเราบอก มันคือ เมนูสิ้นคิด ฮ่าๆๆๆๆ เหมือนว่า นึกอะไรไม่ออกก็ กะเพราละกันจ้า Sukiez ไม่ได้ว่า ไม่อร่อยนะคะ แต่ก็ไม่น่าจะสั่งมาทานทุกวัน ทุกมื้อนิคะ หาเรื่องออกไปทานตามห้างหรือร้านที่รู้จักแต่ยังไม่ได้ลิ้มลองอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งก็ยังดี หรือไม่ก็ ซื้อของมาทำกับข้าวเองเลย ก็จะได้เมนูใหม่ๆ เพิ่มขึ้นเช่นกัน แบบน้องพุงของเราคงจะรู้สึกขอบคุณและส่งผลให้สุขภาพจิตแจ่มใสแน่นอนค่ะ นอกจากสุขภาพกาย สุขภาพใจแล้ว การออกตามหาร้านกินใหม่ๆ จะทำให้เรารู้จักสถานที่ใหม่ๆ มากขึ้นด้วยนะคะ
เลือก Major ที่สนใจและอยากเรียนรู้มันจริงๆ
นี่คือสิ่งที่ยากที่สุดในชีวิตมหาลัย เลือกคณะผิดชีวิตเปลี่ยนแน่ๆ หลายคนถามค่ะว่า ไม่รู้จริงๆ ว่าตัวเองอยากเรียนต่อด้านไหน ไม่รู้ว่าชอบอะไร สำหรับคนที่รู้ตัวแล้ว ขอแสดงความยินดีนะคะ คุณจะมีความสุขกับชีวิตในมหาลัยแน่ๆ ส่วนคนที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร Sukiez ขอแนะนำให้ลองสังเกตตัวเองดูว่า ตัวเองทำอะไรได้ดี แล้วไปทางนั้นซะ การที่เราทำในสิ่งที่เราอาจจะไม่ได้ชอบ 100% แต่เราทำได้ดี ก็ถือเป็นนิมิตหมายอันดีว่าเราอาจจะประสบความสำเร็จกับสิ่งที่เราเลือกนี้ในอนาคตก็ได้ ใช่ค่ะ เรามีสิทธิ์เปลี่ยน หรือย้ายคณะถ้าเรารู้สึกว่า ที่เราเรียนอยู่ตอนนี้ เราไม่ชอบ หรือ ไม่น่าจะรอดแล้ว ถ้าเปลี่ยนแล้วเอกถูกก็โชคดีไป ถ้าไม่ ก็จะเสียเวลาไปอีก และมันก็เป็นการยืดเวลาให้เราต้องใช้ชีวิตอยู่ในเมืองจำลองที่เรียกว่า มหาลัย นานเพิ่มขึ้นไปอีก ลองตั้งใจคุยกับตัวเองสักครั้ง ถามตัวเองดูว่า เราต้องการได้อะไรจากชีวิตมหาลัย
พอหอมปาก หอมคอนะคะ กับคำแนะนำการใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัยที่ Sukiez นำมาฝาก อย่างที่บอกนะคะ เราเป็นผู้กำหนดชีวิตของเราเองได้ เพียงแค่ว่า เราต้องมีสติ และรู้ตัวเอง นอกจากเราจะประสบความสำเร็จจากสิ่วที่เราเลือกเองแล้ว เรายังจะมีความสุขกับสิ่งที่เราเลือกด้วยเช่นกัน
สุดท้าย Sukiez อยากจะฝากไว้อย่างหนึ่งนะคะ ไม่มีใครรู้อนาคต และทุกอย่างคือการเปลี่ยนแปลง อย่าคาดหวังสูง แต่ก็อย่าให้ถึงกับสิ้นหวัง
ใช้ชีวิตให้คุ้มกับชีวิตจำลองที่เรียกว่า “มหาวิทยาลัย”
จะได้เติบใหญ่อย่างแข็งแรงในโลกแห่งความจริง
เรื่องอื่นๆ ที่คุณอาจชอบ
Sukiez
Latest posts by Sukiez (see all)
- ช่วงอายุที่เหมาะที่สุดในการแต่งงานของผู้หญิง PERFECT AGE TO GET MARRIED - January 27, 2017
- 5 สิ่งที่ลูกจ้างมองหานอกจากเงินเดือน Check it! - January 23, 2017
- สุดยอดสมุด Organizer เพื่อปี 2017 - January 17, 2017