ผู้หญิงผู้สร้าง Diamond Grains กราโนล่าเจ้าแรกของไทย

ไดมอนด์ เกรน INSPIRING FEMALE ประจำเดือนมกราคม 2559
เจ้าของ Brand ธัญพืชอบกรอบเจ้าแรกของไทย เป็นที่รู้จักกันไปทั่วแล้วอย่าง “Diamond Grains” เจ้าแรกที่เปิด Trend อาหารคลีนให้เราได้ลิ้มรสอาหารคลีนแสนอร่อย ไม่ต้องทนรสจืดชืดเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป หลายคนคงคุ้นตากับ Brand นี้จากรายการและสื่อต่างๆ แต่มาครั้งนี้ CrossboXs โคจรมาพบกับ “คุณอูน” เจ้าของ Diamond Grains ทั้งที ไม่มีหรอกค่ะ คำว่าธรรมดา  เรามาทำความรู้จัก ผู้หญิงคนนี้ ผู้สร้าง Diamond Grains ทั้งแนวคิด ทัศนคติหลากมุมมอง อะไรที่ทำให้ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้ ฝ่าฟันมาได้จนมีวันนี้ กราโนล่าเบอร์ 1 ของไทย
#เก่งขึ้นCB

ในยุคสมัยที่ทุกอย่างพัฒนาไปไกล ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีต่าง การสื่อสาร การคมนาคม ล้วนถูกพัฒนาจนทันสมัย โรคภัยไข้เจ็บก็เช่นกัน มีโรคร้ายใหม่ๆ เกิดขึ้นมามากมาย บางอย่างมียารักษา บางอย่างยังไม่มีแม้แต่ชื่อโรค ทำให้เราต้องเริ่มตื่นตัว หันมาสนใจดูแลสุขภาพกันมากขึ้น นอกจากออกกำลังกายแล้ว ยังมีทางเลือกมากมายให้เราได้เลือกใช้เพื่อดูแลสุขภาพที่ดีของเรา หนึ่งในตัวเลือกที่ได้รับความนิยมมาก คือ “อาหารเพื่อสุขภาพ” หรือ “อาหารคลีน” นั่นเอง

• Diamond Grains คืออะไร และ ทำไมต้องชื่อนี้
  “อูนกับแฟนอยากมีธุรกิจด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก เราเลยมองดูว่า Trend แบบไหนกำลังติดตลาดอยู่ และด้วยความที่อูนกับแฟนไม่ได้อินกับเรื่องแฟชั่น หรือการท่องเที่ยว เราค่อนข้างมีใจให้เรื่องอาหารมากที่สุด เมื่อไหร่ว่างแล้วมีโอกาสก็จะออกไปหาของอร่อยทานกัน เลยคิดว่าถ้าอยากให้ธุรกิจอยู่รอดแบบยาวๆ ต้องมีพื้นฐานของความชอบส่วนตัวเป็นหลัก คำตอบจึงเป็นเรื่องเกี่ยวกับอาหารค่ะจากนั้นเรามาเจาะอีกทีว่า ตลาดแบบไหนมีศักยภาพที่จะโตขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็เห็นว่าแนวสุขภาพมาแรงในอนาคต ไม่ใช่แค่เรื่องอาหารคลีนอย่างเดียว การหันมาใส่ใจออกกำลังกายในรูปแบบต่างๆ ก็เช่นกัน เป็นเรื่องที่ทั่วโลกให้ความสนใจ ถึงแม้ที่ไทยจะช้ากว่าต่างประเทศ แต่ก็เล็งเห็นว่าตลาดบ้านเรามีศักยภาพที่จะโตขึ้นอีก หากย้อนกลับไป 3-4 ปีที่แล้ว การบริโภคอาหารคลีนเงียบมาก เราเริ่มจากการเจาะตลาดเล็ก เพราะว่าถ้าเราไปอยู่ในกลุ่มสินค้าที่ใครๆ ก็ทำกัน เราอาจจะแข่งกับใครไม่ได้เพราะว่าเรายังตัวเล็ก ต่อมาค่อยๆ เริ่มคิดถึง Concept ของสินค้า จนได้มาว่า อาหารอร่อย Healthy ไม่ใช้แป้งสาลี

  ซึ่งในแง่ของการคัดสรรวัตถุดิบ เราเลือกใช้แต่วัตถุดิบที่ไม่มีแป้งผสม และไม่มีน้ำตาลขัดสี (เรียกง่ายๆ กันว่าอาหารคลีน) ในเมื่อมันเป็นธัญพืช อะไรที่มันจะสื่อถึงความ Premium ได้ สัมผัสได้ถึงความตั้งใจในการคัดสรรและคุณค่าที่เราอยากสื่อให้ลูกค้าเห็น เลยลงตัวที่คำว่า Diamond ประกอบกับคำว่า Grains ที่แปลว่าธัญพืช กลายเป็น Diamond Grains แสดงออกถึงความเป็นตัวอูนและพี่แพ็ค ในเรื่องของการตั้งใจทำงาน การเอาใส่ใจลูกค้า และการคัดเลือกวัตถุดิบลงค่ะ”

• ก่อนจะมาจับธุรกิจตัวนี้ คุณอูนเคยทำธุรกิจอื่นๆ มาก่อนไหม
  “จริงๆ แล้วเราทั้งคู่ไม่ได้ทำธุรกิจอะไรของตัวเองมาก่อนเลยค่ะ ถ้าพูดถึงแล้วอูนเริ่มตอนอายุ 19 ส่วนพี่แพ็คเริ่มตอน 21 ซึ่งช่วงนั้นอูนยังเรียนไม่จบ พี่แพ็คก็พึ่งจบใหม่ๆ ค่ะ แต่ถ้าถามว่าก่อนหน้านั้นเคยทำอะไรไหม อูนเคยเป็น Freelance คอนเทนท์ มาก่อนค่ะ ตั้งแต่ฝึกงาน 17-18 พอฝึกเสร็จ เขาก็จ้างต่อ เลยรับเขียนเรื่อยๆ เป็น Part time ส่วนพี่แพ็คชอบเล่นหุ้น ก็เลยเหมือนคุ้นชินกับการหาเงินหรือช่องทางในการทำงานมาบ้างแล้ว จะไม่ชอบอยู่เฉยๆ”

• คุณอูนเรียนจบมาทางด้านอาหาร หรือบริหารธุรกิจมาหรือเปล่า
  “พี่แพ็คจบมาทางด้าน International Trade (การค้าขาย) ส่วนอูนจบนิเทศอินเตอร์ Communication Management (การจัดการด้านการสื่อสาร) หากถามว่ามันเป็นสายธุรกิจไหม .. ก็ไม่ใช่เลยทีเดียว มองว่าเป็นอีกมุมหนึ่งของธุรกิจค่ะ เพราะเราสื่อสารและเลือกใช้คำเป็น เราทราบว่า Content ที่เหมาะกับลูกค้าเป็นทำนองไหน ทำยังไงให้ลูกค้าเข้าใจว่าสินค้าเราคืออะไร ข้อดีของการไม่ได้จบธุรกิจจ๋าเลยคือ เราจะไม่ได้โฟกัสแต่ผลกำไร ถ้าเราคิดแต่ว่าในเดือนๆ นึงกำไรต้องได้เท่านี้ ได้เปอร์เซ็นต์เท่านี้ๆ นะ อูนไม่สามารถแสดงออกถึงสิ่งที่ต้องการสื่อให้ลูกค้าเข้าใจได้ แบบนั้นจะมีข้อจำกัดเยอะมากในการทำงานเช่น เราต้องการสื่อถึงความพรีเมี่ยม ทำให้มีต้นทุนวัตถุดิบสูง เมื่อก่อนข้าวโอ๊ตยังไม่เป็นที่นิยม วัตถุดิบที่เห็นกันทั่วไปอย่าง Chia Seed (เมล็ดเจีย) ไม่ใช่สิ่งที่หาซื้อได้ทั่วไปในท้องตลาดบ้านเรา เลยต้องนำเข้ามา ทั้งๆ ที่อาจหาวัตถุดิบเทียบเท่าทดแทนได้ แต่เราเลือกที่จะให้ความสำคัญกับการสื่อสารต่อลูกค้าว่าเราใส่ใจในตัวสินค้าจริงๆ มากกว่า ทั้งนี้มีหลายเรื่องมากที่ต้องคำนึงถึง แต่ทั้งหมดอยู่ในกรอบที่เป็นไปได้ โดยอูนจะมีพี่แพ็คคอยดูแลเรื่องธุรกิจให้ เช่น งบต่างๆ ทุนต่างๆ เราดูแลกันคนละด้าน ทำให้มีอิสระในการทำงานของแต่ละฝ่าย แล้วค่อยมารวมกันตรงกลางว่าอะไรคือจุดที่พอดีค่ะ”

• ทำไมถึงมาสนใจธุรกิจอาหารคลีน นอกจากความชอบส่วนตัว
  “อูนกับพี่แพ็คเริ่มตั้งโรงงานกันเมื่อ 3 ปีแล้ว ถ้าย้อนกลับไป เราพึ่งจะเห็น Diamond Grains ช่วงปีหลังๆ นี้เองค่ะ ภาพแรกที่เห็นกันจะเป็น คุ้กกี้ ไม่ใส่แป้ง เราอยู่กับธัญพืชมาตลอด ไม่เคยย้ายไปกลุ่มอื่นเลย เหตุผลที่ตัดสินใจทำ เพราะเรามองว่าข้อจำกัดของการทาน Healthy มันน้อยมากค่ะ ถ้าเป็นรุ่นก่อนๆ คิดจะทาน Healthy เราต้องทำใจแล้วว่า หนึ่งมันต้องไม่อร่อย รสชาติจืด ซึ่งเราเองรับไม่ได้ตลอด อูนพูดจริงๆ ว่าอูนไม่สามารถทานอาหารที่รสชาติจืดเลยได้ อูนกับพี่แพ็คฝืนทานไม่ไหว แต่ถามว่าอยากจะสุขภาพดีไหม กลัวอ้วนไหม มันก็ไม่อยากจะทานอะไรที่มันมีไขมันเยอะๆ ตลอดเวลา ก็มีการโกงการกินกันบ้าง แต่พอกลับมาสู่กิจวัตรของเราที่เราอยากมีสุขภาพดี เราก็อยากได้อะไรที่มันทำได้ในระยะยาว ไม่ใช่แค่ว่าจะเริ่มกินคลีน แล้วกินได้วันเดียว โอ๊ย!! ไม่ไหวแล้ว พรุ่งนี้ตื่นมาไม่อยากกินแล้ว มันเป็นความรู้สึกที่แบบ ทำไมต้องฝืนขนาดนั้น

บางทีเราก็สงสัยค่ะ ถ้าในเมื่ออาหารคลีนมันดี ทำไมคนถึงไม่กิน แล้วราคาก็สูงมาก ถ้าลองเทียบกัน ระหว่างเบอร์เกอร์ชิ้นนึงในร้านสะดวกซื้อราคาไม่เท่าไหร่ กับอาหาร Healthy ที่จานนึงราคาเป็นร้อย ไม่รู้อีกว่าจะอิ่มไหม มันเป็นความรู้สึกที่แบบ แล้วถ้าฉันอยากจะกินคลีนต้องทนทรมานแบบนี้อีกนานไหม เราเลยอยากหาทางออกให้ตัวเองก่อน แล้วมองความต้องการของคนทั่วไป เขามีปัญหาอะไรกับการทานคลีนบ้าง”

• แรงบันดาลใจกราโนล่าแต่ละสูตร คืออะไร
  “มาจากลูกค้าค่ะ ช่วงแรกในการทำธุรกิจ มีแค่เราสองคน เราลงมือทุกอย่าง ทุกขั้นตอน ทำกันสองคน แล้วมันมีอยู่ช่วงนึงที่เราไม่ประสบความสำเร็จในการเข้าไปคุยกับร้านค้า ด้วยความที่เราก็ยังใหม่ ยังเป็นเด็กในวงการนี้ การเข้าไปแล้วบอกว่า พี่คะ ช่วยวางสินค้าในนี้ได้ไหมคะ? เราจะเห็นสีหน้าของแม่ค้าแสดงกลับมาอารมณ์ว่า ถ้าฉันเอาของเธอมาวางแล้วฉันจะขายได้หรอ?

เราเลยกลับมาคิดว่าลูกค้าปกติชอบทานอะไรบ้าง เริ่มจากมองคนรอบตัวก่อน คนนี้ชอบชาเขียว คนนั้นไม่ทานช็อคโกแลต คนนี้ไม่ทานอันนี้ คนนั้นไม่ทานน้ำตาล เราเลยหยิบรสชาติที่เด่นๆ ที่ลูกค้าชอบ แล้วสามารถเอาสูตรมาปรับให้มัน Healthy ได้ ยึดจากสิ่งนี้แล้วพัฒนามาเรื่อยๆ ค่ะ”

• เจอปัญหาการฝากขายตามร้านค้า คุณอูนผ่านจุดนั้นมาได้อย่างไร
  “อูนเคยโดนปฏิเสธมาหลาย Level มากค่ะ บางคนไม่ปฏิเสธแต่รับเพราะว่าสงสาร หรือปฏิเสธเลยทันที คือกินแล้ววางเลย แล้วบอกว่าขายไม่ได้ ด้วยความที่ร้านกาแฟ หรือร้านขนมสมัยก่อน ขนมที่นิยมวางขายเป็นประเภทคุ้กกี้ที่มีช็อคโกแลตโรยเยอะๆ ไม่ก็ขนมปังราดมายองเนสเยิ้มๆ ซึ่งถ้าเป็นตลาดสุขภาพ มันไม่มีนะคะ ลองนึกภาพว่าลูกค้าเข้าไปในร้านแล้วเจอขนมปังเยิ้มๆ กับกราโนล่าธัญพืช ส่วนมากเขาก็ต้องเลือกอะไรที่มันอร่อยกว่า และชินปากมากกว่า เราก็เข้าใจปัญหาของทางร้านค้าค่ะ แต่ถามว่าตอนนั้นท้อไหม มีบ่อยครั้งเลย มีโมเม้นที่คิดว่า เรากำลังทำอะไรอยู่ มันเป็นปีเลยค่ะที่มานั่งลอง ไปไหนก็รู้สึกไม่เวิร์ค ยอดขายเป็นศูนย์บาท โดยที่ค่าเช่าแต่ละเดือนก็ต้องจ่ายเท่าเดิม บางเดือนมากกว่าด้วยซ้ำ อย่างเวลาเราลองสูตร ค่าน้ำค่าไฟก็เพิ่มขึ้น

แต่อูนมีพี่แพ็ค เวลาเรา Down เขายังอยู่ ทำนองเดียวกันเวลาเขานอยด์ เราก็จะค่อยๆ ช่วยดึงกัน จนมาถึงจุดนึงที่เราคิดได้ว่า เรามีสินค้า แต่สินค้าของเราต้องไม่เป็นภาระของร้านค้าในการช่วยเราขาย เราต้องทำสินค้าให้คนอยากเข้ามาซื้อ เราเลยสร้างชื่อแบรนด์โดยที่ไม่พึ่งพาร้านค้าหรือคนกลาง ไม่ว่าสินค้าเราอยู่ที่ไหนลูกค้ายังเข้าถึงได้และอยากซื้ออยู่ ก็เลยลองมาเปิดพื้นที่ของเราในการสื่อสารกับลูกค้าเองโดยตรง ในเมื่ออูนเองก็แข็งเรื่อง Communication อูนก็มาเปิดพื้นที่ใน Instagram, Facebook เพื่อที่จะเริ่มสื่อสารว่าเราเป็นใครให้ลูกเค้าเข้าใจและรู้จักเราก่อน ส่วนเรื่องสถานที่จำหน่ายว่าจะไปวางที่ไหนเราก็รอลูกค้าเข้ามาสั่งเองค่ะ”

• ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ ช่วงไหนกดดันที่สุด
  “จริงๆ การทำธุรกิจมันก็ไม่มีช่วงไหนที่ไม่มีความกดดันเลยค่ะ ปกติของการทำธุรกิจ แต่ถ้าส่วนตัวอูนคิดว่า หนักที่สุดจะมีอยู่สองช่วง ช่วงแรกคือช่วงเริ่มทำที่มันไม่เวิร์คสักที เราหาสินค้าที่มันตรงใจผู้บริโภคไม่ได้สักที เราตีโจทย์คนทานไม่ออก มันก็กดดันเพราะมันล้มเหลวแบบซ้ำไปซ้ำมากับผลิตภัณฑ์ที่เราไม่รู้ว่าเมื่อไหร่มันจะเวิร์ค

ช่วงที่สองคือช่วงที่ไปออกรายการ “SME ตีแตก” คือหลังจากออกรายการแล้ว Line ล่ม เนื่องจากคนเข้ามาเยอะมาก สมมุติรายการออกสองทุ่ม สี่ทุ่มนี่การแจ้งเตือนขึ้นเป็น 999+ คือเราไม่รู้ว่าคนทักมาเท่าไหร่แล้ว น้องๆ แอดมินรับ Order ไม่ทัน ในโรงงานก็ผลิตไม่ทัน มันไม่ทันไปหมด จากเดิมที่อูนเคยผลิตเอง เปลี่ยนเป็นมีคนงานมาผลิต กลับกลายเป็นว่าเราต้องกลับเข้าไปผลิตเองอีกครั้ง พี่แพ็ควิ่งรถเอง เราต้องกลับมาทำทุกอย่างใหม่ทั้งหมดด้วยตัวเราเองอีกครั้ง โดยที่มันคูณสิบ คูณยี่สิบ เวลาที่เรายุ่งมาก เราเหมือนคนตาบอด เรามองไม่เห็นว่าอะไรที่สำคัญที่สุด ตอนนั้นอูนต้องรีบ Urgent Call เรียกน้องๆ แอดมินทุกคนมานอนที่โรงงาน 7 วันเลยค่ะ

นอกจากนั้นเราก็ต้องช่วยกันรับมือกับคำสบประมาทว่า คุณโกงใช่ไหม บางคนก็บอกว่าทำไมยังไม่ส่ง จะฟ้องเรา มันไม่ได้กดดันว่าทำไมลูกค้าเยอะ แต่เป็นความกดดันว่าทำไมเราไม่เตรียมพร้อม ถ้าเราพร้อมกว่านี้มันก็จะไม่มีปัญหานี้เกิดขึ้น อูนมองว่า เราต้องได้มากกว่านี้สิ ทำไมเราทำได้แค่นี้ล่ะ ตอนนั้นเราไม่รู้ว่าเราส่งให้ใครไปแล้วบ้างเพราะ Line ล่ม ที่อยู่หายหมด ทั้ง

800-900 ที่อยู่ เพราะงั้นเราเลยตัดสินใจที่จะส่งใหม่ทั้งหมด โดยที่ไม่เก็บเงินลูกค้าเพิ่ม เราขอแค่ลูกค้าติดต่อกลับมา ขอที่อยู่ที่ชัดเจน แล้วส่งไปเลยโดยที่ไม่มานั่งดูว่าส่งไปแล้วหรือยัง มานั่งตามว่าส่งไปแล้วหรือยังมันจะยิ่งทำให้ลูกค้าเสียความรู้สึก เราเลยเลือกส่งไปเลยค่ะ ช่วงนั้นลูกค้าได้ Double เยอะมาก ก็มีลูกค้าติดต่อมาว่าได้เกินที่สั่งไป ต้องคืนไหม? เราเลือกบอกไปว่าไม่ต้องคืน ทางเราไม่พร้อมเอง เราต้องรับผิดชอบ เรามองว่าจะทำอย่างไรให้แก้สถานการณ์ตรงนั้นให้ได้ดีที่สุด เราเหนื่อยมากเลยนะ แต่สุดท้ายเราก็ผ่านมาได้ อย่างที่บอกค่ะ แบรนด์เรามองเรื่องผลกำไรเป็นอันดับ 2″

คุณอูนในรายการ SME ตีแตก: ธุรกิจที่ 49 Diamond Grains อาหารคลีนพร้อมทาน

• สินค้าสามารถเก็บได้นานเท่าไหร่
  “อายุสินค้าประมาณ 3-4 เดือน แต่เรา Screen ไว้ข้างถ้วยว่า 2 เดือนจากวันผลิต เพราะเราบวกลบให้มันพอดีกับระยะเวลาที่ลูกค้าจะได้ทานตอนที่คุณค่าทางอาหารมันยังอยู่ครบค่ะ”

• ชีวิตการทำงานเริ่มมาตั้งแต่อายุ 19 ปี เคยรู้สึกบ้างไหมว่า ชีวิตวัยรุ่นเรามันหายไป
  “ด้วยความที่อูนกับพี่แพ็คไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เที่ยว เลยมีแค่โมเม้นที่อยากไปต่างจังหวัด พักผ่อน เราก็ไปกัน แต่จะมีช่วง 2-3 ปีที่ทำ Diamond Grains ไม่ได้ไปไหนเลย เคยลองถามตัวเองเหมือนกันค่ะว่า อยากไปไหม ก็มีบ้างที่เคยทำงานเยอะๆ จนไม่อยากทำงาน จ้องคอมจนตาไม่ Focus เพราะอูนทำ Graphic เองด้วยค่ะ แต่พอถึงเวลาได้ไปเที่ยวจริงๆ อย่างไปทะเลใกล้ๆ ก็รู้สึก ไม่เห็นสนุกเลย ทำงานสนุกกว่าอีก

อูนกับพี่แพ็คเป็นคนที่เวลาทำงานจะมีอะดรีนาลีนหลั่งออกมา มันตื่นเต้นนะคะ ที่ตื่นเช้าทุกวันละรู้สึกว่าต้องหาอะไรใหม่ๆ ทำ เช่น รูปเซ็ตใหม่ ผลิตภัณฑ์ใหม่ คือเรามีความสุขในการทำ เราไม่รู้สึกฝืน เวลาคนนอกมองเข้ามา คนก็จะเกิดคำถามว่าเหนื่อยมากไปหรือเปล่า แต่กลับกันเวลาอูนไปเที่ยว กลับมาคือหมดแรง เลยรู้สึกว่าไปเที่ยวน่าจะเหนื่อยกว่านะคะ นั่งทำงานเฉยๆ สบายกว่าค่ะ มีความสุขกับการทำงาน เพราะสำหรับอูน ถ้าไม่มีความสุขอูนทำไม่ได้ค่ะ “ถ้าความสุขของอูนถูกที่สุด อูนก็จะเป็นคนที่รวยที่สุด” การทำธุรกิจ มันต้อง 24 ชม. /วัน 7 วัน/ สัปดาห์ ไม่มีเช้าไหนตื่นมาแล้วไม่คิดถึงเลย อีกอย่างเราเป็นคนสร้างขึ้นมา ถ้าไม่รักก็ทำไม่ได้

ถ้าเทียบกับคู่รักคู่อื่น เวลาอยู่ด้วยกันเขาก็จะนัดกินข้าวกัน เที่ยวกัน แต่ของอูนกับพี่แพ็คเราจะเข้าซุปเปอร์ ไปดูตลาด มันเป็น Life Style อีกแบบหนึ่ง รู้สึกโชคดีที่เจอคนที่ชอบอะไรเหมือนกับเรา ไม่งั้นมันจะกลายเป็นว่า ฝืน อีกคนอยากไปโน่น อีกคนอยากทำนี่ แต่ด้วยความที่เราชอบเหมือนกันก็เลยลงตัว”

• อยากให้คุณอูนลองเล่ามุมมองของ “ผู้หญิง” ในการทำธุรกิจ อาหารคลีนให้ฟังหน่อยค่ะ
  “ผู้หญิงเราจะมองละเอียดไปซะทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเรื่องความรัก การงาน ดูเชื่อมไปซะหมด สำหรับ มุมมองของอูน ลูกค้าที่ซื้อของเราไป เขาไม่ได้จ่ายเงินเพื่อทานให้อิ่ม เขาอาจจะมองว่า เขายอมจ่ายเงินที่ราคาสูงกว่าซีเรียลทั่วไป เพราะเขามองว่าสิ่งที่ทานเข้าไปให้อะไรกับตัวเค้าบ้าง มันคือการดูแลตัวเองค่ะ เราก็มองว่า ถ้าเราไม่นำสิ่งที่ดีที่สุดมาให้เขาจริงๆ มันจะต่างอะไรกับอาหารทั่วไป การทานอาหารคลีนเป็น Life style มากกว่า Trend การทานอาหารดีๆ เข้าไปในร่างกาย คือ การดูแลตัวเองทางหนึ่ง เงินทุกบาทที่เขาเสียมา ถ้วยละ 28 บาท ทำอะไรให้กับร่างกายเขาได้บ้าง มันไม่ใช่แค่กินอร่อยแล้วจบ มันคือการกินเข้าไปแล้วลูกค้าขับถ่ายดีขึ้น รู้สึกดีขึ้นกับตัวเอง กินเข้าไปแล้วไม่ท้องอืด ลูกค้าตื่นมาแล้วขับถ่ายเป็นปกติ โดยที่เขาไม่ต้องกินยาถ่าย เราก็ยิ่งตื่นเต้นที่ได้ทำให้เขามีสุขภาพที่ดีขึ้น

ในตอนแรกไม่ได้ตัดสินใจว่าทำหน้าตาออกมาแบบนี้ ถ้วยแบบนี้ ฝาแบบนี้ มันคือการมองไปที่ลูกค้าว่าปัญหาของเขามีอะไรบ้าง เช่น เขาไม่มีเวลามานั่งล้างจานตอนเช้า ไม่มีเวลามานั่งชั่งหรือวัดคุณค่าสารอาหาร แคลอรี่ต่างๆ คือมันยุ่งยากสารพัด เราเลยพยายามตัดปัญหาตรงนี้ให้กับลูกค้าทั้งหมด เช่น Packaging เราก็ทำเป็นถ้วยให้ ทานแล้วก็ทิ้งได้เลย มีช้อนให้ในกล่องเพื่อความสะดวก และสามารถนำไปจับคู่ทานกับอาหารอื่นๆ ได้ คนเราไม่สามารถทานอาหารซ้ำๆ ติดต่อกันเป็นเวลานานๆ ได้ มันก็จะออกมาเป็นคำตอบว่าเราทำออกมาหลากรส ให้มีตัวเลือกในการทาน อาจจะทานกับสลัด ซุป นม โยเกิร์ต สลับกันไป ไม่ให้ร่างกายเอียนกับอะไรเดิมๆ ค่อยๆ หาคำตอบจากลูกค้า ปรับสมดุลทุกอย่างไปเรื่อยๆ เพื่อที่จะหาคำตอบให้กับลูกค้าได้ สักพักหนึ่งจะได้จุดที่ลงตัวที่สุด ก็ออกมาเป็นสิ่งนี้ค่ะ”

• คุณอูนมีวิธีการหาความรู้เพิ่มเติมหรือ จัดการกับความเครียดอย่างไร
  “ความคิด กับ ความเครียด ไม่เหมือนกัน บางครั้งผู้ชายอาจจะไม่เข้าใจว่าทำไมผู้หญิงถึงคิดเยอะจนเครียด บางทีเราแค่คิด ไม่ได้เครียด เราแค่คิดเยอะ ฮ่าๆๆๆ .. ด้วยความที่อูนค่อนข้างธรรมะจ๋ามาก เราก็จะเข้าใจระบบความคิดของเราว่า บางทีมีอะไรก็ไม่รู้เข้ามาในหัวเราเยอะ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเราเครียดนะ เราแค่คิดไปเรื่อยๆ พอมันล้นไปก็มีวิธีที่ Delete Trash เหมือนคอม วิธีของอูนง่ายมากค่ะ ฟังธรรมะ 5 ทีจากสื่อต่างๆ หาที่ไหนก็ได้

อย่างเวลามีอะไรเข้ามาเยอะๆ สติก็จะเริ่มไม่มี แล้วพอเรากลับมามีสติเราเริ่มจับได้ว่า ที่เราทำอยู่นี่ มันคืออะไร พอมานั่งคิดเพราะอะไรก็ไม่รู้ งั้นเราไม่คิดก็ได้ ก็วาง คือจบ แต่ก่อนอูนก็ทำไม่ได้ค่ะ แต่ที่ทำได้เพราะอูนมีคนที่ต้องดูแลเยอะ น้องแอดมิน 5 คน อูนดูแลเหมือนลูก เหมือนน้องจริงๆ คือรักมาก เลยรู้สึกว่าถ้าเราเครียดเราคิดเยอะ หาจุดที่เป็น Peaceful Mind ของเราไม่ได้ เด็กๆ ของเราก็จะไม่มีทิศทางที่ถูกต้องได้ แล้วเขาก็จะไม่มีต้นแบบที่ดีในการทำงานได้ สู้เราเอา Energy ทั้งหมดไปคิดแค่สิ่งที่มีประโยชน์ เราจะเกิดความภูมิใจ ว่าเราทำในสิ่งที่เราควรจะทำอยู่ ไม่เกิดความเครียดสะสมด้วย ทำให้มีความสุขกับการทำงาน อูนจะมีประโยคะนึงที่อูนชอบมาก คือ “ความเครียด หรือความรู้สึกผิดจากอดีต ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น หรือว่า ความกังวลในอนาคต ที่เรายังไม่รู้ ก็ไม่ได้ทำให้ปัจจุบันดีขึ้น” เพราะฉะนั้น ถ้าไม่ได้อยู่กับตรงนี้ มันไม่มีประโยชน์ที่จะมานั่งคิดหลัง คิดหน้า เราคิดปัจจุบันแล้วอนาคตก็จะดีเองค่ะ”

• ปัจจุบันธุรกิจอาหารคลีนมีมากมาย รวมถึงกานโนล่าเองก็เริ่มมีขายเยอะแยะ เรารับมือกับสถานการณ์นี้อย่างไร
  “ถ้าเราไม่มั่นคงกับสิ่งที่เราทำอยู่ หรือไม่มีความมั่นใจ คืออยู่ไม่ได้นะคะ ช่วงแรกๆ ที่เริ่มมีคนเลียนแบบ บางคนทำเหมือนเลย ราคา ปริมาณ เท่ากันเลย มันทำให้เรา งง เพราะเราไม่เคยมีคู่แข่ง แต่พอเราเริ่มมีคู่แข่ง เราต้องดีลกับใจเราให้ได้ไม่ใช่คู่แข่ง คู่แข่งอะมันต้องมี ถ้าของเราไม่ดีจริง จะมีคนมาเลียนแบบหรอ พอมีคนเริ่มเลียนแบบเยอะๆ ก็มีบางช่วงที่แบบ… โมโห มองบน ฮ่าๆๆๆๆ .. แต่เราก็มาคิดว่า เราทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร เราเสียใจไปทำไม เรามาเครียดกับคู่แข่งไปเพื่ออะไร ถ้าเรารู้อยู่แล้วว่าเขาจะเข้ามา คู่แข่งมีหลายแบบ บางคนค่อยๆ ขึ้นมาแล้วชนกัน หรือขึ้นมาพร้อมกัน ชนกันแต่แรกเลย แต่ของอูนยังพอมีเวลาหลายเดือน เรารู้จักลูกค้ามากกว่า เรารู้ว่าเราทำเพื่ออะไร เรารู้ว่าลูกค้า รักเราเพราะอะไร เรารู้ว่าสิ่งที่เราทำอยู่มันดีกว่าเขาเพราะอะไร เรารู้ว่าเราตั้งใจกว่าเขา เรารู้ว่าใน 1 ชั่วโมง ที่เขา Copy และ Paste Content เรา เรานั่งเขียนแบบ 2 เดือน เพราะฉะนั้น เรามีจิตละเอียดที่เรารู้ว่าเราเข้าใจ และเราเข้าถึงอะไรบางอย่าง ที่อีกฝ่ายหนึ่งเข้าไม่ได้

อูนมองว่ายิ่งการที่เราเจอคู่แข่งเนี่ย เรายิ่งต้องรู้สึก ฮึดสู้ ฉันต้องเป็นที่ 1 ให้เขารู้ว่า Diamond Grains ทำอะไรได้บ้าง หลายคนอย่าง พ่อ แม่ จะเป็นห่วงว่าเรามีคู่แข่ง แต่เรามองว่า เราสามารถแข็งแรงไปได้มากกว่านี้ อย่างที่บอกค่ะ ต่อให้เรามีคู่แข่งเป็นล้านคน แต่เราแข็งแรง เราก็ยังเป็นที่ 1 แต่ถ้าเรามีคู่แข่งแค่คนเดียว เผลอๆ ทำไม่เหมือนเราเลยด้วยซ้ำ เราเองก็หายไปเลยได้ มันขึ้นอยู่กับเราไม่ใช่เขา จะไปโทษเขาไม่ได้หรอก บางทีคนที่ทำเขาก็ไม่รู้ตัวนะคะว่า สิ่งที่เขาทำอยู่ มันทำให้เราเจ็บปวด แต่เขาก็พูดได้ว่า กราโนล่าใครก็ทำได้ ในเมื่อเขามองอย่างนี้แล้ว เราจะโทรนัดให้เขามาเจอไหม ก็ไม่นะคะ ฮ่าๆๆๆๆ .. ถ้าสุดท้าย เขาทำอร่อยกว่าเรา ลูกค้าก็ไปอยู่ดี สุดท้ายมันก็คือเรา ตอบโจทย์สิ่งที่เราทำอยู่ได้มากน้อยแค่ไหน”

• CrossboXs.com เรามีสโลแกนว่า “สวย เก่ง สุขภาพดี” เลยอยากให้คุณอูนเลือกให้หน่อยว่า เราเหมาะจะเป็น Diamond Grains รสชาติไหน
  “อูนให้เป็นรสช็อคโกแลตค่ะ เพราะตัวช็อคโกแลตมันมีความขมนิดๆ ความหวานหน่อยๆ แล้วก็มีความหอม ตัวรสช็อคโกแลตจะเป็นรสที่คนถามมาก ว่าทานแล้วอ้วนไหม ซึ่งก็เหมือนผู้หญิงทั่วไปที่จะชอบโดนถามว่า วันนี้อ้วนขึ้นเปล่านะ? อยากให้คนมองที่ Content มากกว่ารูปลักษณ์ เหมือนช็อคโกแลตถ้วยนี้ที่คนมองเห็นแล้วคิดว่าอ้วนแน่ แต่จริงๆ แล้วมันเป็น Dark Chocolate ช่วยเรื่องการไหลเวียนเลือดในหัวใจ แล้วก็ไม่มีไขมันไม่ดีเลย ส่วนผสมทุกอย่าง ก็เป็นส่วนผสมที่ดี ทานแล้วมีประโยชน์ทุกอย่าง อูนว่า ผู้หญิงที่โดนสังคมบีบ ให้กลายเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ พูดน้อยๆ ไม่มีสิทธิ์ ไม่มีเสียง หรือไม่มีความขม ไม่มีอะไรเลย อูนว่ามันไม่สนุกอะ บางคนเข้ามาด้วยความเจ็บปวดจากการลดน้ำหนัก โยโย่ เคยกินยาลดความอ้วน เราเลยมองว่า ควรจะให้มันอยู่ตรงกลาง ไม่ว่าจะเป็นขม หวาน ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ขอให้มีความสมดุล มีความพอดี ให้ความสุขได้ ให้ความอร่อยได้”
• วางแผนอนาคตกับ Diamond Grains ไว้อย่างไร
  “อูนมีแผนจะขยาย Line Product ที่เป็นธัญพืชต่อไป ให้ตอบรับกับทุกวัย ทุกเวลา แล้วก็มีแผนที่จะเปิดร้านเป็นคาเฟ่ เกี่ยวกับอาหารที่เราลงใน IG ซึ่ง ภายในปีนี้แหละค่ะ น่าจะได้เห็นกันถ้าไม่ติดอะไร”

• ฝาก Inspiration ให้กับผู้หญิงทุกคน 
  “การเป็นผู้หญิงนี่มันไม่ใช่อะไรเลยค่ะ ผู้หญิงกับผู้ชายเกิดมาเป็นคนเหมือนกัน มีมือ มีขาเหมือนกัน ความคิด ความรู้ ความสามารถ ได้เหมือนกันหมด แต่ว่าทุกอย่างจะประสบความสำเร็จไม่ได้เลยถ้าใจเราเองไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองจะทำได้เลย อย่างอูนเป็นผู้หญิง ถึงแม้จะท้อแต่ก็ไม่หยุดทำ เพราะอูนเองไม่เคยมองว่าอูนล้มเหลวเลย อย่างช่วงแรกที่ขายไม่ได้ อูนไม่เคยมองเลยว่านั่นคือจุดจบของอูน อูนกลับมองว่ามันคือจุดเริ่มต้น ความสำเร็จของทุกคน ไม่ว่าเป็นหญิงหรือชาย มันจะนำเราไปสู่อะไรบางอย่างที่ทำให้เราไปได้ไกลกว่านี้ เพราะฉะนั้น เวลาเจอสิ่งที่ผิดพลาดไปให้ข้ามมันไปด้วยสติ ให้มันเป็นประสบการณ์ อย่าไปกลัว ถ้าคิดอยากจะทำอะไร ให้ทำเลย อูนอายุยังน้อยมาก แต่อูนเป็นคนคิดเร็ว ทำเร็ว ทำให้เรามีโอกาสได้ข้ามปัญหาหลายๆ อย่างไปตั้งแต่อายุยังน้อย แล้วมันยังมีแรงที่จะตอสู้กับปัญหา มีแรงที่จะทำทุกอย่างให้ประสบความสำเร็จ เพราะฉะนั้น อย่ารอค่ะ อยากทำก็รีบทำเลย”