12 นิทานอมตะ (ไม่รู้จัก ไม่เคยเป็นเด็ก)

thai-immortal-tales-feature-image

When I was just a little girl, I ask my mother what will I be…  เพลงนี้ Sukiez เชื่อว่าต้องคุ้นหูทุกคนเป็นแน่แท้ค่ะ ไม่มีหรอกค่ะ เกิดมาแล้วแก่เลย ทุกคนล้วนเคยเป็นเด็กกันทั้งนั้น นอกจากเล่นพ่อ แม่ ลูก หรือทำกับข้าวแล้ว อีกกิจกรรมก่อนนอนที่เด็กโปรดปรานคงไม่พ้นการขอให้พ่อ แม่ เล่านิทานให้ฟัง  #เก่งขึ้นCB

 

 

นิทานแต่ละเรื่องก็จะเป็นที่นิยมตามยุค ตามสมัย แต่จะมีอยู่ไม่กี่เรื่องหรอกค่ะ ที่เราเรียกมันว่า “อมตะ” วันนี้ Sukiez เลยนำเอา “12 นิทานอมตะ (ไม่รู้จัก ไม่เคยเป็นเด็ก)” มารื้อฟื้นความทรงจำเพื่อนๆ กัน

นิทานส่วนใหญ่ จะเป็น นิทานอิสป นิทานอิสป คือ นิทานที่เล่าต่อกันมาโดยเชื่อว่า “อีสป” เป็นคนรวบรวมไว้ “อีสป” เป็นทาส เพศชายซึ่งเล่านิทานไว้หลายเรื่องตั้งแต่สมัย 620-560 ก่อนคริสตกาล อีสปเป็นคนแคระ ตัวดำ มีรูปร่างน่าเกลียด ชื่ออีสปมาจากคำว่า “อีทิออป” เป็นภาษากรีกแปลว่า เอธิโอเปีย อีสป ได้รับอิสระและรับใช้พระราชา เป็นคนเล่านิทานในสำนักในภายหลัง
เอกลักษณ์ของนิทานอิสป คือ จะใช้สัตว์ต่างๆ เป็นตัวละครหลัก และจะมีข้อคิดให้ทุกเรื่อง

 

ชาวนากับงูเห่า

เป็นเรื่องของชาวนาคนหนึ่ง ที่บังเอิญไปเจองูเห่านอนป่วยระหว่างทาง เกิดความสงสาร จึงอุ้มขึ้นมาหวังให้ความอบอุ่น พองูเห่าดีขึ้นกลับกัดชาวนา จนเสียชีวิต
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
”หากไว้ใจคนผิด อาจนำภัยมาให้ตน”

 

นกกระสากับหมาจิ้งจอก

เป็นเรื่องของนกกระสาและหมาจิ้งจอกที่เป็นเพื่อนกัน เย็นวันหนึ่งหมาจิ้งจอกได้ชวนนกกระสามากินข้าวที่บ้าน พอมาถึงกลับเจอซุปใสจานแบนๆ ที่ทำให้นกกระสาไม่สามารถทานได้ นกกระสาจึงนัดหมาจิ้งจอกมาทานข้าวที่บ้านเช่นกัน สิ่งที่หมาจิ้งจอกเจอคือ ซุปในขวดปากแคบทรงสูงซึ่งทำให้หมาจิ้งจอกไม่สามารถทานได้เช่นกัน
 นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“การทำไม่ดีต่อผู้อื่น…สักวันหนึ่งเราอาจได้รับสิ่งนั้นกลับมา”

 

กบเลือกนาย

เรื่องมีอยู่ว่า ที่บึงแห่งหนึ่ง มีกบอาศัยอยู่มากมาย อยู่กันอย่างมีความสุข จนวันหนึ่งพวกกบเกิดอาการเบื่อ จึงสวดอ้อนวอนเทวดาให้ส่ง “ผู้คุ้มครอง” ลงมา เทวดาจึงส่งขอนไม้ลงมาให้ พวกกบดีใจกระโดดขึ้นไปเล่นบนขอนไม้ แต่ขอนไม้แค่ลอยไปมา พวกกบเบื่อ จึงสวดอ้อนวอนอีกครั้ง เทวดารำคาญในความเรื่องมาก จึงส่งนกกระสาลงไป ทำให้นกกระสากินกบทั้งหมดเลย
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
”ความต้องการที่ไม่รู้จักจบสิ้น อาจก่อผลร้ายในภายหลัง”

 

แจ็ค ผู้ฆ่ายักษ์

เรื่องมีอยู่ว่า เด็กชายคนหนึ่งชื่อแจ็คอาศัยอยู่กับแม่สองคน บ้านเขาจนมาก วันหนึ่งแม่ให้แจ็คเอาวัวไปขาย ระหว่างทางเจอชายแก่กับเมล็ดถั่ววิเศษ จะให้แจ็คแต่แลกกับวัว แจ็คจึงให้วัวไป กลับมาถึงบ้าน พอแม่รู้ก็โมโหมาก โยนเมล็ดถั่ววิเศษออกไปนอกบ้าน เช้าวันต่อมา ก็พบว่ามีต้นถั่วยักษ์ขึ้นนอกบ้าน แจ็คลองปีนขึ้นไปตามต้นถั่วก็พบบ้านยักษ์ที่มีห่านออกไข่เป็นทองคำและพิณ แจ็ครอจังหวะที่ยักษ์หลับ ได้นำห่านและพิณลงมา บังเอิญยักษ์ตื่นเลยตามลงมา แจ็คตกใจกลัว แต่ได้รวบรวมสติ คว้าขวานมาตัดต้นถั่วจนยักษ์ล้มลงมาตาย
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
”การมีสติจะช่วยให้ผ่านพ้นปัญหา และอุปสรรคไปได้”

 

กระต่ายกับเต่า

กระต่ายผู้ที่วิ่งไวที่สุดในป่า กับเต่าผู้ที่เชื่องช้าที่สุดได้วิ่งแข่งกัน โดยกระต่ายวิ่งนำไปก่อนไกลมาก ด้วยความประมาทคิดว่าอย่างไรเสียเต่าก็ตามไม่ทันจึงหยุดพักนอนหลับใต้ต้นไม้จนเจ้าเต่าแซงได้และเข้าเส้นชัย ชนะไปในที่สุด
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จก็อยู่ที่นั่น อย่าประมาท”

 

เด็กเลี้ยงแกะ

วันหนึ่งเด็กเลี้ยงเเกะคิดหาเรื่องสนุกๆ เล่น จึงเเกล้งร้องตะโกน ให้ชาวบ้านมาช่วยพร้อมโกหกว่ามีหมาป่าเข้ามากินแกะ พวกชาวบ้านที่ได้ยินเสียงตะโกนของเด็กเลี้ยงแกะจึงพากันวิ่งมาช่วยพร้อมด้วยอาวุธต่างๆ เเต่เมื่อมาถึงก็ไม่พบหมาป่าสักตัว จึงโกหกว่ามันวิ่งไปทางอื่นแล้ว เด็กเลี้ยงเเกะโกหกเเล้วก็เเอบหัวเราะชอบใจภายหลัง ต่อจากนั้นเด็กเลี้ยงเเกะก็เเกล้งหลอกชาวบ้านแบบเดิมได้อีก 2-3ครั้ง จนวันหนึ่งมีหมาป่ามาไล่กินเเกะจริงๆ คราวนี้เด็กเลี้ยงเเกะ ตะโกนขอความช่วยเหลืออย่างไร พวกชาวบ้านก็ไม่มาเพราะคิดว่าเด็กหลอก
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
”คนที่มักหรือชอบพูดโกหก เมื่อถึงเวลาต้องพูดความจริง ก็ยากที่จะเชื่อได้”

 

กระต่ายตื่นตูม

กระต่ายตัวหนึ่งนอนหลับอยู่ใต้ต้นตาล ขณะที่นอนหลับอยู่นั้นเกิดพายุใหญ่ทำให้ลูกตาลหล่นลงที่พื้นดินเกือบถูกกระต่าย กระต่ายตกใจตื่นขึ้น คิดว่าฟ้าถล่ม ลุกขึ้นวิ่งไปอย่างรวดเร็ว สัตว์อื่นๆ เห็นกระต่ายวิ่งจึงถามว่าเกิดอะไรขึ้น กระต่ายบอกว่าฟ้าถล่ม สัตว์อื่นๆ จึงตามกระต่ายไป จนพบราชสีห์ตัวหนึ่ง เป็นสัตว์เจ้าปัญญาเห็นสัตว์วิ่งมาดังนั้น จึงถามว่าวิ่งหนีอะไรกัน ก็พบคำตอบว่าฟ้าถล่มเช่นเดิม ราชสีห์จึงบอกให้สัตว์เหล่านั้น กลับไปดูเมื่อได้ดูที่ต้นตาล ก็เห็นลูกตาลหล่นอยู่ที่โคนต้น ราชสีห์จึงว่า คนที่โง่เขลา ไม่คิดอะไรให้รอบคอบ
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
”ก่อนจะทำอะไรต้องพิจารณาดีๆ ก่อน ควรมีสติ ไม่ตื่นเต้นจนเกินเหตุ”

 

ลูกหมูสามตัว

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีลูกหมูสามตัวเป็นพี่น้องกัน พวกมันออกเดินทางเพื่อจะหาที่สร้างบ้านคนละหลัง พี่ใหญ่ซื้อฟางไปสร้างบ้านจะได้ไม่เหนื่อยและไม่หนักด้วย พี่รองซื้อเศษไม้ไปสร้างบ้านตอกตะปูไม่กี่ทีก็เสร็จแล้ว น้องเล็ก ซื้ออิฐมาสร้างบ้าน พี่ใหญ่พี่รองเห็นหัวเราะและว่าน้องทำไมโง่อย่างนี้ กว่าจะแบกไป กว่าจะสร้างบ้านเสร็จก็ใช้เวลานาน แต่น้องบอกถ้าเราใช้อิฐสร้างบ้าน มันก็จะแข็งแรงและทนทานกว่า ลูกหมูตัวที่หนึ่งสร้างบ้านด้วยฟางใช้เวลาไม่นานนักก็เสร็จ ส่วนลูกหมูตัวที่สองสร้างบ้านด้วยเศษไม้ใช้เวลาไม่นานก็สร้างบ้านเสร็จและทั้งสองไปดูน้องเล็กสร้างบ้านซึ่งยังไม่เสร็จ น้องเล็กต้องค่อย ๆ ก่ออิฐทีละก้อนทีละอันกว่าจะสร้างเสร็จก็อีกหลายวันเพราะอยากได้บ้านที่แข็งแรงและปลอดภัย น้องเล็กจึงไม่เชื่อพี่ๆ ทั้งสอง ที่บอกให้เปลี่ยนมาใช้ฟางกับเศษไม้ คืนหนึ่งมีเจ้าหมาป่ามาซุ่มดูหวังจะมาจับลูกหมูทั้ง 3 ตัวมาเป็นอาหาร และไปบ้านลูกหมูที่สร้างบ้านด้วยฟางก่อน หมาป่าเป่าบ้านฟางจนพัง ลูกหมูเลยหนีไปอยู่กับเจ้าหมูบ้านไม้ หมาป่าก็ตามไปพังบ้าน หมูทั้งสองตัวจึงหนีไปอยู่บ้านอิฐ หมาป่าบอกว่าถ้าไม่ออกมาจะพังอีกหลังนึง แต่น้องเล็กมั่นใจจึงไม่ยอมเปิดจนสุดท้ายหมาป่ายอมแพ้และจากไป
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“ความขี้เกียจอาจจะทำให้เราสบายแค่เดี๋ยวเดียว แต่จริงๆ แล้วอาจจะนำทุกข์ภัยมาสู่ตัวเรา…ดังนั้นเราจึงควรเป็นคนขยัน และคนโง่ ย่อมต้องตกเป็นเหยื่อของคนที่ฉลาด”

 

ลูกเป็ดขี้เหร่

เนื้อเรื่องกล่าวถึงลูกเป็ดตัวหนึ่งที่มีหน้าตาขี้ริ้วแตกต่างจากเพื่อนๆ จนถูกรังเกียจและกีดกันออกจากฝูง เมื่อลูกเป็ดโตขึ้นจึงพบว่าตัวเองไม่ใช่เป็ด แต่เป็นหงส์สีขาว ที่มีรูปร่างงดงามกว่าใครๆนิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
”อย่ามองหรือตัดสินคนแค่รูปลักษณ์ภายนอก หน้าตาไม่ดีไม่ได้หมายความว่าจะเป็นคนไม่ดี”

 

หนูน้อยหมวกแดง

คุณแม่ให้หนูน้อยหมวกแดงนำผลไม้ กับน้ำองุ่นไปฝากคุณยายซึ่งไม่สบาย อยู่ในบ้านห่างไกลออกไป พร้อมกำชับว่า ให้หนูน้อยรีบไปรีบกลับอย่าแวะเถลไถลที่ไหน หนูน้อยรับคำแล้วออกเดินทางทันที   ระหว่างทางหมาป่าเจ้าเล่ห์ก็โผล่ออกมา ชักชวนให้หนูน้อยหลงเชื่อ เก็บดอกไม้สวยๆเพื่อนำไปฝากคุณยายที่กำลังนอนป่วย หนุน้อยหลงเชื่อคำหมาป่า จึงเก็บดอกไม้อย่างเพลิดเพลินจนลืมเวลา ส่วนหมาป่าเจ้าเล่ห์ สบโอกาสจึงรีบตรงไปยังบ้านของคุณยาย จัดการเขมือบคุณยายลงท้อง แล้วนอนรอเพื่อเตรียมตัวจัดการกินหนูน้อยหมวกแดงเสียอีกคน เมื่อหนูน้อยมาถึงบ้านของคุณยาย ก็เริ่มรู้ว่ามีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติ แต่ก็ไม่ทันการณ์เสียแล้ว หมาป่าเจ้าเล่ห์กระโจนเข้าใส่หนูน้อยหมวกแดง และกลืนลงท้องทันที
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
”อย่าเป็นคนหูเบา เชื่อคนง่ายโดยไม่ไตร่ตรองให้ดีก่อน และต้องรู้จักรับผิดชอบ มีวินัยของตัวเอง”

 

ราชสีห์กับหนู

มีราชสีห์ตัวหนึ่งนอนพักผ่อนอยู่ แต่ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะมีหนูตัวหนึ่งขึ้นมาวิ่งไต่ตามลำตัวโดยไม่รู้ว่าเป็นร่างของเจ้าป่า ราชสีห์ใช้อุ้งเท้าตะครุบเอาไว้ด้วยความโกรธเกรี้ยว เจ้าหนูจึงวิงวอนขอให้ราชสีห์ปล่อยไป มันเป็นเพียงสัตว์ตัวเล็กๆ ราชสีห์เห็นว่าเป็นครั้งแรกและไม่อยากได้ชื่อว่ารังแกผู้ที่อ่อนแอกว่าจึงปล่อยไป เจ้าหนูซึ้งในบุญคุณ จึงบอกราชสีห์ว่าจะตอบแทนบุญคุณให้ได้ หากราชสีห์มีเรื่องเดือดร้อนให้ส่งเสียงคำราม หลังจากนั้นไม่นาน ในขณะที่ราชสีห์ออกล่าเหยื่อเกิดพลาดท่าไปติดกับบ่วงของนายพรานเข้า ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุดจึงได้ส่งเสียงร้องลั่นป่า หนูจำเสียงของราชสีห์ได้จึงรีบมาช่วยกัดบ่วงของนายพรานจนขาด ราชสีห์จึงได้เป็นอิสระอีกครั้ง
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
”อย่าดูถูกคนที่ต่ำต้อยกว่าตน”

 

ดาวลูกไก่

ตากับยายปลูกกระท่อมอาศัยอยู่กันตามลำพัง มีอาชีพเก็บผักและของป่าไปขายพอเลี้ยงชีพได้ ตากับยายเลี้ยงไก่ไว้ตัวหนึ่ง ต่อมาแม่ไก่ออกไข่และฟักออกมาเป็นลุกน้อยๆ น่ารักถึงเจ็ดตัว เย็นวันหนึ่งมีพระธุดงค์มาปักกลดอยู่ริมเชิงเขา ตากับยายจึงเข้าไปนมัสการ และตั้งใจว่าจะทำอาหารไปถวายพรุ่งนี้ แต่ไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย ตากับยายสงสารพระมากเกรงว่าจะอดอาหาร เพราะในละแวกนี้มีบ้านของตนเพียงหลังเดียว จึงปรึกษากันว่าอาจจะต้องฆ่าแม่ไก่แล้วทำอาหารถวายพระ ทั้งตาและยายรู้สึกเศร้าใจมาก บังเอิญแม่ไก่แอบได้ยินตากับยายปรึกษากัน จึงตัดสินใจยอมสละชีวิตเพื่อตอบแทนบุญคุณของตากับยาย แม่ไก่เรียกลูกๆ มาเล่าเรื่องให้ฟัง และสั่งสอนให้รักกันอย่าทะเลาะกัน เจ้าจิ๋วลูกสุดท้องอย่ากวนใจพี่มากนัก อย่าขี้อ้อนงอแง เช้ามืดวันรุ่งขึ้น เมื่อตากับยายก่อไฟเตรียมประกอบก็ต้องตกตะลึงจนร้องไม่ออก เมื่อเห็นลูกไก่ทั้งเจ็ดตัววิ่งตามกันกระโดดเข้ากองไฟด้วยความรักแม่ไก่ เทวดานางฟ้าผู้พิทักษ์ความดี ต่างก็ซาบซึ้งในความกตัญญูของแม่ไก่และลูกไก่ จึงรับเอาลูกไก่ทั้งเจ็ดไปอยู่บนฟากฟ้ามีแสงระยิบระยับเป็นประกาย ประกาศถึงความดีที่มีความรักความสามัคคีของพี่น้องทั้งเจ็ดนั่นเอง
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
”แม่ทุกคนรักลูก มนุษย์มีเมตตาต่อสัตว์เลี้ยง คนเราต้องมีความกตัญญูรู้คุณ และควรเข้าใจบทบาทหน้าที่ของตัวเอง ทำตัวเองให้ดีที่สุด”

thai-immortal-tales-in

 

The following two tabs change content below.

Sukiez

Education Blogger & Translator at CrossboXs.com Team
สวยใสแบบไม่ไร้สมอง .. กล่อง Smart box จะเป็นเพื่อนที่ให้ความรู้แก่ผู้หญิง จะนำไปใช้ในการทำงาน หรือเพื่อใช้หาเพื่อนต่างชาติใหม่ๆ ได้หมด นอกจากนั้นยังมี ข่าว สาระความรู้ หรือ Tips ทั่วไปที่ควรรู้ นอกจากจะได้ความบันเทิงเพลิดเพลินแล้ว ทุกคนจะได้รับความรู้จากกล่องใบนี้อย่างแน่นอนค่ะ