อ. กานต์ จากสาวกรุงเทพแฟชั่น เป็นอาจารย์ชีวิต Slow Life ที่เชียงราย และบทบาทศิลปินน้ำหอม

หากให้นึกถึงศิลปะอีกหนึ่งแขนงบนโลกนี้ ที่สามารถเปลี่ยนการรับรู้ของคนเราได้ ศิลปะนั้นน่าจะเป็น “การปรุงกลิ่น” กลิ่นเป็นอะไรที่วิเศษ มันพกพาความทรงจำของเรามาด้วย เคยไหมคะ ได้กลิ่นนี้แล้วหวนคิดถึงคนๆ หนึ่ง .. ความรู้สึกนึกคิดต่างๆ กลับมาอีกครั้งเวลาที่เรากลิ่นนั้น .. อ. กานต์ เป็นอีกหนึ่งท่านที่เชี่ยวชาญด้านการแยกส่วนประกอบของกลิ่น ฟังดูย๊ากยาก .. ความสามารถในการผสมกลิ่นไม่ได้มีมาตั้งแต่เกิด แต่เกิดจากการฝึกฝนมาโดยเฉพาะ อะไรทำให้ อ. กานต์ หลงสเน่ห์ของกลิ่นได้ขนาดนี้ล่ะ?
#เก่งขึ้นCB

• ช่วยแนะนำตัวให้ชาว CrossboXs.com รู้จักหน่อยค่ะ
  สวัสดีค่ะ ชื่อ กานต์จนาภา สถิรชวาล ชื่อเล่นชื่อ กานต์ ค่ะ ปัจจุบันเป็นอาจารย์ประจำอยู่ที่ สาขาวิชาเทคโนโลยีความงาม สำนักวิชาวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงแล้วก็ดูแลในเรื่องของการทำธุรกิจเครื่องสำอาง หรือว่าใครที่อยากมีแบรนด์เครื่องสำอางของตัวเอง ก็เป็น Consult ดูแลทางด้านการตลาด รวมถึงเป็นเจ้าของแบรนด์น้ำหอมชื่อว่า Sig Scent ค่ะ
  C
• อะไรทำให้คุณกานต์ตัดสินใจเรียนต่อด้านวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง (ทั้งตรีและโท)
  ตอนแรกตั้งใจจะเรียนนิเทศค่ะ เพราะตัวเองเป็นคนชอบพูด ชอบงานประชาสัมพันธ์ แต่ตอนที่เลือกเรียนตอนนั้นรู้สึกว่าตัวเองไม่สวย เลยอยากเรียนอะไรก็ได้ที่ทำให้สวยขึ้น ก็เลยไปเปิดแผ่นพับแล้วไปเจอกับ “วิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง” ลองไป Search เพิ่ม ก็เลยรู้ว่าเปิดสอนที่ ม. แม่ฟ้าหลวง และมีที่เดียวด้วย เลยเลือกไปสอบ พอไปสอบก็รู้สึกสนใจ เหมือนติดใจบรรยากาศที่สวยงาม และก็รู้สึกว่าถ้าได้เรียนมันสาขาต้องสนุกแน่ๆ เลยตัดสินใจเลือกเรียนค่ะ พอจบปริญญาตรี เรามีความรู้ทางด้านการทำเครื่องสำอาง ด้านน้ำหอม ทำงานมาประมาณปีนึงก็เลยอยากเรียนต่อปริญญาโท อยากได้ความรู้ใหม่ๆ สนใจเกี่ยวกับสุขภาพ และความงามที่เกิดจากภายใน เลยตัดสินเรียนในสาขา “เวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ” ของมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงนี่แหละค่ะ ซึ่งความรู้ทั้งตอนตรีและโท เครื่องสำอางคือ สิ่งที่ใช้ดูแลตัวเองภายนอก แต่ว่าถ้าเป็น Anti Aging and Regenerative Medicine จะเป็นเรื่องของภายใน ดูแลสุขภาพ การกิน ฮอร์โมน การนอน หรือทำอะไรก็ได้ที่ทำให้เรารู้สึกว่า ความสวยจากข้างในจะส่งผลออกมาข้างนอก เลยรู้สึกว่ารู้เรื่องความสวยทั้งภายในและภายนอกครบถ้วนไปเลยดีกว่า เลยเป็นที่มาของการเรียนค่ะ

• ผลงานชิ้นไหนคือชิ้นที่ภูมิใจมากที่สุด
  ถ้าตอนเรียนคงจะเป็นช่วงของการทำกิจกรรมตลอด 4 ปีที่ผ่านมา เป็นเหมือนความรับผิดชอบในแบบที่เด็กๆ ทำได้ค่ะ ได้ใช้ชีวิตแบบที่นักศึกษามหาวิทยาลัยเขาใช้กัน ทำกิจกรรมแบบเต็มที่ สนุกมาก ทำให้รู้สึกว่า เวลา 4 ปี มันผ่านไปไว และทำให้เราโตขึ้นมาเป็นคนที่รู้สึกว่าใช่ชีวิตเป็น เป็นช่วงเวลาที่มีความสุข ให้ประสบการณ์ดีๆ กับชีวิต สำหรับตอนเรียนจบมาแล้ว สิ่งที่ภูมิใจที่สุดก็คือการ ได้ทำร้านเครื่องสำอางให้กับแบรนด์ ไฮเอน ของสปาแห่งหนึ่ง ได้มีโอกาสคิดสูตร ตั้งแต่ต้นจนจบเลยค่ะ แล้วก็ผสมกลิ่นน้ำหอมเองเลยรู้สึกภูมิใจ ที่สำคัญเลยมันกลายมาเป็น Best Product ที่ขายดี ของ Beauty Blogger ท่านหนึ่ง เลยรู้สึกภูมิใจเพราะมันเป็นผลงานจากการเรียนกลิ่นน้ำหอมของเราเองค่ะ
  c
• ปัจจุบันมีสินค้าทางด้านความงามออกมามากมาย อะไรทำให้คุณกานต์ยังคงเดินหน้าผลิตผลิตภัณฑ์ความงามใหม่ๆ ออกมา
  เครื่องสำอางมันอาจจะดูเป็นของฟุ่มเฟือยนะ แต่เขาก็บอกกันว่า ผู้หญิงอย่าหยุดสวยอ่ะ คนเราอะ แม้ว่าจะมีเงินเดือนเท่าไหร่ก็แล้วแต่ แต่ยังไงทุกคนก็อยากสวย เป็นข้อที่ปฏิเสธไม่ได้ คนที่บอกว่า ไม่เป็นไร ไม่สวยก็ได้ ไม่ต้องซื้อก็ได้ มันเป็นข้ออ้าง จริงๆ แล้วผู้หญิงทุกคนอยากสวยทั้งนั้น การมีการตลาดที่ดี มีนวัตกรรมที่ดียิ่งเป็นการเสริมเข้าไปอีก หรือแม้กระทั้งคอนเซ็ปที่ดี มีจุดขายที่ดี มันก็ทำให้แบรนด์ประสบความสำเร็จ เพราะฉะนั้น กานต์ไม่เชื่อนะว่า เครื่องสำอางจะล้นตลาด แต่กานต์เชื่อว่า ถ้าเรามีจุดขายที่ดี มี Marketing Concept ที่ดี มี Target Group ที่ดี แล้วก็การที่เรามี Concept ที่ชัดเจน กานต์ว่ายังไงก็ขายได้ แล้วการเติบโตมันยังมีอยู่เรื่อยๆ อยู่ที่กับว่าเราต้องหาจุดยืนของเรา หาความเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ให้เจอต่างหาก อันนั้นแหละ มันจะทำให้เราอยู่ได้ ส่วนเครื่องสำอางที่ผลิตออกมาแล้วมันขายไม่ได้ เช่น สบู่อัญชัน ก็อัญชันทั้งหมู่บ้านเลย มันก็ซับซ้อนทางการตลาด มันไม่มีจุดยืน ไม่มีจุดขาย มันผลิตออกมาแล้วก็ตายไป ดังนั้น Concept ที่ดีถึงจะทำให้แบรนด์อยู่ได้

• ผลิตภัณฑ์ความงามแบบไหนี่คุณกานต์ถนัด
  ที่ถนัดและเชี่ยวชาญที่สุดจะเป็นน้ำหอม หรือว่ากลิ่นหอมต่างๆ เพราะว่ากานต์เคยทำงานเป็น Fragrance Evaluator (นักประเมินคุณภาพน้ำหอม) คือทำงานคู่กับ Perfumer (นักดมน้ำหอม) แต่ว่าความรู้ในการที่จะทำน้ำหอม ต้องมีทักษะในเรื่องของการดม การแยกประสาทสัมผัส แยกแยะกลิ่น เช่น กลิ่นน้ำหอมหนึ่งกลิ่นมีส่วนประกอบของอะไรบ้าง Top Note, Middle Note, Base Note มีอะไรบ้าง น้ำหอมหนึ่งกลิ่นเหมาะกับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางประเภทไหน พอได้ทำงานตรงนี้กานต์รู้สึกว่าน้ำหอมมันคือ Passion กานต์รู้สึกว่างานที่ทำในทุกๆ วัน มีความหมาย ทำมาเกือบ 4 ปี แล้วค่ะ ในเรื่องของการเป็นนักดมน้ำหอม หรืองานด้านน้ำหอม มันทำให้รู้สึกว่ามีกำลังใจ สามารถทำงานได้ตั้งแต่ 7 โมงเช้า ถึง 5 ทุ่ม เหมือนเราต้องตื่นแต่เช้า มีวินัยในการฝึกดม เพราะว่ามันไม่ใช่ว่าทุกคนจะทำได้ เปรียบง่ายๆ เหมือนเอาสุนัขมาฝึกดม เฮโรอีน หรือยาเสพติด มันต้องดมทุกวัน ดมจนจำได้ว่านี่คือกลิ่นอะไร แล้วน้ำหอม มันไม่ใช่แค่กลิ่นเดียว มันมีหลายหมื่น หลายพันกลิ่น เราจึงต้องมีวินัยในการฝึก ฝึกประมาณ 6เดือน จนเราพอจะจำได้แล้วว่า อันนี้คือกลิ่นอะไร จริงๆ เข้างาน 9โมง แต่ไป 7โมง เพื่อฝึกดม มันจะมีชุดฝึกดมที่แยก อย่างสมมติว่า กลิ่นส้ม กลิ่นมะนาว อันนี้ มะนาวไทย อันนี้มะนาวฝรั่ง อันนี้ดอกมะลิ แล้วก็ดมแบบนี้ทุกวัน จนเราหยิบ Stripe ขึ้นมาดมแล้วแยกได้ จำได้ ว่าอันนี้คือมะลิ อันนี้กระดังงา สามารถดมได้ว่าหัวน้ำหอมเป็นอย่างไร
  c
  สมมติว่า CHANAL No.5 เราก็จะรู้ว่า ใน CHANAL No.5 มีส่วนประกอบของกลิ่นอะไรบ้างที่ทำให้เกิดเป็น CHANAL No.5 หน้าที่ของกานต์ก็คือ เลือกเอากลิ่น CHANAL No.5 ไปลงในสบู่ ในครีม หรือโลชั่นให้ได้ โดยปรับอัตราส่วนใน Top Note, Middle Note, Base Note เขาบอกว่า Perfume Creation ความหอมออกแบบได้ คือ ทุกอย่างมันต้อง Design และทุกอย่างมันมี Magic Time ของมัน ภาษาน้ำหอมคือ “ช่วงเวลาต้องมนต์” หมายถึงช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่น้ำหอมจะแสดงประสิทธิภาพออกมา เช่น ครีมอาบน้ำ Magic Time ของมันก็คือ เวลาที่เราอาบน้ำในห้องน้ำ แล้วมีกลิ่นน้ำหอมลอยในห้องน้ำ กลิ่นก็ติดผิวนิดนึง หรือน้ำยาล้างจาน ก็จะเป็นขณะที่เราล้าง แต่เราไม่ต้องการให้กลิ่นติดจาน ดังนั้น เราจึงต้อง Design Character ของน้ำหอมให้เหมาะกับผลิตภัณฑ์ที่ต่างกันไป เป็นงานที่สนุกค่ะ ทำให้ทุกวันไม่เหมือนกับมาทำงาน คือประสบการณ์ดีๆ แม้ว่าตอนแรกเราจะจำกลิ่นไม่ได้ แต่กานต์บอกตัวเองว่า พรุ่งนี้เราจะจำได้ เราจะเป็น Better Version ของเราในทุกๆ วัน เราจะผิดวันนี้ เพื่อพรุ่งนี้ที่เป็นเราที่ดีที่สุด

• ตั้งแต่คุณกานต์มุ่งมั่นมาทางสายอาชีพนี้ เจออุปสรรคอะไรบ้าง ผ่านพ้นมันไปได้อย่างไร
  อุปสรรคที่เคยเจอ คือ การที่เราเป็นอาจารย์ด้วย จากสถานะตรงนี้คนคาดหวังกับภาพลักษณ์การอาจารย์ ว่าต้องแต่งตัวเรียบร้อย เป็นคนนิ่งๆ เก็บตัว อะไรแบบนี้ แต่นิสัยของกานต์ต่างกันมากเลยค่ะ ตอนแรกกานต์ไม่ได้คิดว่าจะมาเป็นอาจารย์  แต่รู้สึกว่าชอบสอน แล้ว เราอยากอาจารย์ในแบบของเรา ไม่ใช่ตามกรอบที่ใครๆ สร้างไว้  ทำอย่างไรก็ได้ให้เด็กเข้าใจในเนื้อหา ไม่ว่าคุณจะสอนด้วยวิธีไหน สิ่งสำคัญต้องสอนรู้เรื่อง ให้นักเรียนรับสารไปอย่างถูกต้อง เคยรู้สึกแบบว่ามันก็ท้าทายนะ แต่ก็ยังมีเสียงในใจอีกเสียงก้องว่า การเป็นอาจารย์ไม่จำเป็นต้องเรียบร้อย หรือแต่งตัวแฟชั่นไม่ได้ กานต์เชื่อว่าอะไรก็ได้ที่มันเป็นเรา เป็นอะไรที่ดีที่สุดเคยคิดว่าเป็นอาจารย์เราต้องเปลี่ยนอะไรมากเท่าไหร่ แทบจะโล๊ะตู้เสื้อผ้าเลยไหม เสื้อผ้า กระโปรงที่เคยใส่ กางเกงยีนส์ขาดๆ ร้องเท้าผ้าใบอะไรแบบนี้ ก็ไม่ได้เอาไป ต้องเปลี่ยนลุค แต่พออยู่ไปอยู่มา รู้สึกว่าเราไม่มีความสุขอะ เพราะว่าเราไม่เป็นตัวของตัวเอง จริงๆ เราชอบแต่งตัว เป็นนิสัยของผู้หญิงทั่วไปนะ จากนั้นก็เริ่มคิดได้ ส่วนตอนที่เริ่มเป็นอาจารย์ใหม่ๆ เกิดความรู้สึกกดดันด้วยความที่เราอายุน้อย และรู้สึกหนักในการที่เตรียมสอน รู้สึกกดดัน เราเข้าใจเลยว่าเด็กที่เรียนแต่ขี้เกียจ ยังโดดเรียนได้ แต่อาจารย์ ต้องมีความรับผิดชอบเยอะ อ่านหนังสือเป็นตั้งๆ เลยคิดใหม่ เป็นตัวเราดีกว่า ยังไงยังมีอีกด้านที่ไม่ได้ทำให้เรากดดันจนเกินไป แค่แต่งตัวให้ถูกกาลเทศะ และเป็นเราให้ดีที่สุดก็พอแล้ว

cต่อมาได้เปลี่ยนตำแหน่งมาเกี่ยวกับการบริหารมหาวิทยาลัย และดูแลในเรื่องของศูนย์ SMEs หรือสถาบันต่างๆ ที่ผ่านมาต้องดูแลคนเยอะ เหมือนเป็นผู้จัดการสถาบันนวัตกรรมสุขภาพผิวพรรณความงามมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ซึ่งตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจSMEs เครื่องสำอาง ตอนนั้นกดดันมากเพราะพึ่งเริ่มมาเป็นอาจารย์ ภาระงานสอนเยอะอยู่แล้วด้วย บวกกับอยู่ในช่วงปรับตัวจากสาวกรุงเทพแฟชั่น มาเป็นอาจารย์ที่ใช้ชีวิตแบบ Slow Life ที่เชียงราย หนึ่งคือรู้สึกเหงา สองคือ อายุของเรากับการเป็นผู้จัดการ เป็นผู้บริหาร ที่หลายคนคาดว่าต้องอายุเยอะ พอมาเจอเราเคยมีถึงขั้นแบบ น้องมาสัมภาษณ์งานหรือเปล่า ผู้จัดการใช่เหรอ? แต่จริงๆ คือเรามาเป็นวิทยากร คือภาพที่เขามองเรา ทำให้เราขาดความมั่นใจไปแล้ว 50% จนเราต้องพิสูจน์ตัวเอง แต่สุดท้ายก็ผ่านมาได้ด้วยการคิดว่า ประสบการณ์สำคัญ เราจะให้เกียรติคนที่มาก่อน เพราะประสบการณ์ที่เคยผ่านปัญหามาของเขาต้องเชี่ยวชาญกว่าเราอยู่แล้ว แต่สิ่งที่สำคัญก็คือ ในเมื่อเราอายุน้อยแต่ความพยายามเรามี ถ้ามันมาก สักวันหนึ่งเราก็จะประสบความสำเร็จ กานต์เชื่อว่าไม่มีใครที่ทำไม่ได้ มันมีแต่คนไม่ทำเท่านั้นแหละที่ทำไม่ได้ ไม่ว่าจะทำอะไร ต้องทำด้วยความตั้งใจและจริงจัง เวลาที่กานต์ตั้งใจทำอะไร มันแทบจะอยู่ในทุกลมหายใจ จะกินข้าว จะทำอะไรก็จะคิดตลอด ไม่ได้จะพูดว่ากานต์ประสบความสำเร็จทุกอย่าง แต่ทุกความสำเร็จมันเกิดจากความพยายาม

• คุณกานต์มีวิธี หรือเคล็ดลับในการเลือกน้ำหอมอย่างไรคะ
  เคยได้รับคำถามนี้แทบจะทุกคนที่มาซื้อน้ำหอม ว่าน้ำหอมอะไรดีที่สุด กานต์จะบอกว่าไม่มีน้ำหอมอะไรดีที่สุดในโลก แค่เลือกให้เป็นตัวของตัวเอง เพราะส่วนใหญ่แล้ว ผู้หญิงที่เลือกน้ำหอมเหมือนแบ่งเป็น น้ำหอมสำหรับออกเดท น้ำหอมสำหรับจะไปที่ต่างๆ คือจริงๆ แล้ว น้ำหอมอะไรก็ได้ที่ใส่แล้วแบบคุณชอบ มันจะทำให้เหมือนเป็นการ Complete Look ของคุณในวันนั้น แล้วมันจะทำให้คุณมั่นใจ เพราะฉะนั้นให้เลือกน้ำหอมที่คุณฉีดแล้วคุณมั่นใจค่ะ
  c
• CrossboXs.com ที่มีคอนเซปว่า “สวย เก่ง สุขภาพดี” อยากให้มีกลิ่นน้ำหอมประจำตัว คุณกานต์อยากให้เป็นกลิ่นอะไรคะ
  ผู้หญิง “สวย เก่ง สุขภาพดี” ผู้หญิงที่ฉลาด มันต้องมาจาก Attitude ที่ดี เพราะฉะนั้นเราไม่ต้องพยายาม ประโคมน้ำหอมเยอะๆ ถ้าให้กานต์นึกนะนึกถึงผู้หญิงที่ ใส่ชุดเรียบๆ เสื้อ Shirt สบายๆ มัดผมยุ่งๆ เซอร์ๆ นิดนึง ใส่ Accessory น้อยๆ แต่มีเสน่ห์ ทำอะไรก็สวย ฉีดน้ำหอมที่เป็นกลิ่นดอกไม้ แต่ไม่ใช่ดอกไม้หนักๆ นะ ไม่ใช่มะลิ กระดังงา เป็นดอกไม้แบบ Light กลิ่นเบาๆ สบายๆ เช่น ลิลลี่ หรือกุหลาบอ่อนๆ แล้วก็เป็นกลิ่น Fruity กลิ่นออกผลไม้ เป็นผลไม้ในเฉดออกสดใส อมเปรี้ยว เวลามันรวมกันมันจะทำให้รู้สึกน่าดึงดูดโดยธรรมชาติ ไม่ต้องน่าดึงดูดแบบหลงใหล ความเป็นธรรมชาติจะทำให้เราดูสวย แล้วก็ดูโอเคที่สุดแล้วค่ะ

• ถ้าให้คุณกานต์ผลิตเครื่องสำอางที่สามารถช่วยคนบนโลกได้หนึ่งอย่าง จะผลิตอะไร เพราะอะไรคะ
  ลิปสติกที่ทาแล้วยิ้มได้ทั้งวัน รอยยิ้มก็จะช่วยลดความโกรธได้ในระดับหนึ่ง จะได้ใจเย็นๆ ค่ะ
  c
• ความสวยความงามของผู้หญิงเป็นของคู่กัน ยิ่งถ้าเจอเครื่องสำอางที่ลดราคา หรือถูกกว่าปกติก็จะยิ่งมีความสุข พร้อมจ่ายโดยที่ไม่นึกถึงความปลอดภัย คุณกานต์มีเทคนิค การเลือกซื้อหรือใช้เครื่องสำอางอย่างปลอดภัยอย่างไรคะ
  อย่างแรกเลยคือป้าย SALE ต้องระวัง เพราะสินค้าที่เอามา Sale จากใจเลยนะ มันคือสินค้าที่ใกล้หมดอายุ แล้วไม่ได้แปลว่าประสิทธิภาพจะดีเสมอไป เช่น วิตามินซี เซรั่มทาหน้าแบบนี้ มันถูกเก็บมาแล้วประมาณหนึ่งปี คุณภาพก็อาจจะไม่ดีเท่าไหร่ แล้วก็ให้อ่านฉลากเครื่องสำอาง ดูวันหมดอายุค่ะ เขาจะบอกว่าผลิตเมื่อไหร่ แล้วก็หมดอายุเมื่อไหร่ ปกติแล้วเครื่องสำอางจะมีอายุประมาณสองปี เพราะฉะนั้นถ้าเห็นว่ามันจะหมดอายุแล้วก็อย่าซื้อเลย ถึงแม้ว่าราคามันจะถูกก็ตาม อีกอย่างคือ อ่านฉลากเครื่องสำอางด้วย ว่ามันมีส่วนประกอบของอะไรบ้าง ลอง Search ดูก็ได้ค่ะ เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีมันก้าวไกล สามารถหาได้ว่าสารตัวนี้มันทำหน้าที่อะไร หลักๆ คือ ถ้ามันเป็นสูตร 100% ตัวแรกใส่เยอะ ตัวหลังใส่น้อย ดูว่าแต่ละตัวทำหน้าที่อะไร เช่น ตัวที่ใส่เยอะถ้าเป็นวิตามินก็แสดงว่ามันจะบำรุงผิวหน้าเราได้ดีค่ะ

• ให้คุณกานต์ช่วยเป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจ ให้สาวๆ กล้าลุกขึ้นมาทำอะไรใหม่ๆ ด้วยค่ะ
  กานต์เชื่อว่าทุกอย่างมันเป็นไปได้ และทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันดีเสมอ เพราะฉะนั้น อย่ากลัวว่าเราจะทำได้หรือไม่ได้ มันมีแต่จะต้องลงมือทำ ถ้าคิดได้ก็ทำเลย เราต้องเชื่อมั่นในตัวเราเอง ไม่มีใครรู้ดีเท่ากับตัวเราที่สุด อะไรที่เป็นความต้องการของเรา เราชอบอะไร เราต้องรู้จักตัวเอง แล้วพอเรารู้ว่าเราชอบอะไรก็ต้องทำให้ดีที่สุด เวลาที่เราทำอะไรจากความชอบ มันจะทำให้เรามี Passion ซึ่งก็คือความพยายามแบบซ้ำแล้วซ้ำอีก ความพยายามแบบนี้มันจะทำให้เราประสบความสำเร็จ และทำได้ในทุกสิ่งไม่ว่ามันจะเป็นสิ่งที่ยากแค่ไหนก็ตามค่ะ
  c
• ฝากผลงานของคุณกานต์พร้อมช่องทางการติดต่อด้วยค่ะ
  สำหรับผลงานตอนนี้มีแบรนด์น้ำหอม Sig Scent รับปรึกษาทำแบรนด์เครื่องสำอางและการตลาดต่างๆ ที่สำคัญคือรับ Create กลิ่นน้ำหอมค่ะ ส่วนงานหลักก็เป็นอาจารย์ประจำอยู่ที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง แล้วก็เป็นวิทยากรให้ความรู้ค่ะ ช่องทางการติดต่อ
  สามารถติดต่อได้ที่ www.facebook.com/sigscent หรือ เบอร์โทรศัพท์ 086-562-1578 ค่ะ