ถ้าย้อนกลับไปสมัยพี่หมื่นและแม่การะเกด (ยุคกรุงศรีอยุธยา) ครีมทาผิวอาจมีให้เลือกเพียงชนิดเดียว และมีส่วนผสมหลักคือ ไขที่สกัดมาจากพืชหรือไขมันจากสัตว์ และน้ำมันหอม แต่ปัจจุบันครีมทาผิวได้มีให้เลือกเป็นหลายสิบชนิด และมีส่วนผสมนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นครีมทาสำหรับผิวกาย สำหรับผิวหน้า สำหรับกลางวัน สำหรับกลางคืน สำหรับผู้ชายหรือสำหรับผู้หญิง ซึ่งแน่นอนว่าสามารถทำให้ใครหลายคนเกิดอาการสับสนขึ้นมานิดๆ ได้ว่า แล้วครีมทั้งหลายเหล่านี้สามารถใช้แทนกันได้หรือไม่?

 

เริ่มต้นกันที่ ครีมสำหรับทาผิวกาย VS. สำหรับทาผิวหน้า

หลายคนที่เคยเอาหลังมือมาเทียบกับผิวหน้า อาจเคยรู้สึกว่าผิวที่หลังมือนั้น มีความดูดี เนียนหรือขาวใส กว่าผิวบนใบหน้าเสียอีก ทั้งๆ ที่เราบำรุงผิวหน้าแทบตายแต่กลับไม่ได้ผลลัพท์ที่ต้องการ นั่นเพราะผิวทั้งสองบริเวณนี้ ต้องการการดูแลที่ไม่เหมือนกัน

ผิวหน้าของคนเราแบ่งออกเป็นหลายประเภท ต่างจากผิวกาย ซึ่งเราไม่สามารถใช้ครีมบำรุงผิวกาย ที่ถูกออกแบบส่วนผสมหลักมาให้คล้ายๆ กันทาหน้าได้ แต่ต้องเลือกใช้ครีมสูตรเฉพาะที่มีความเหมาะสมกับสภาพผิวหน้าของตนเอง

 

ครีมสำหรับกลางวัน VS. สำหรับกลางคืน

การแยกครีมออกเป็นชนิดกลางวันและกลางคืน ไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อการตลาดเพียงอย่างเดียว เพราะในครีมสำหรับกลางวันและกลางคืนบางกลุ่ม ก็ใช้แทนกันไม่ได้จริงๆ

โดยสาเหตุสำคัญก็มาจากส่วนประกอบหลักของครีมทั้งสองประเภทนี้ ที่บางครั้งในครีมสำหรับกลางวัน มีส่วนผสมของสารกันแดด ซึ่งไม่ควรใช้ในตอนกลางคืน เพื่อหลีกเลี่ยงการได้รับสารเคมีที่ไม่จำเป็น และครีมสำหรับกลางคืน อาจมีส่วนผสมของสารกลุ่มกรดวิตามินเอ ซึ่งมีความไวต่อแสงและหากใช้ในตอนกลางวัน สามารถส่งผลให้เกิดอาการแพ้ แดง แสบคัน หรือผิวหน้าลอกได้ ดังนั้นในกรณีที่อยากใช้แทนกัน เราจึงต้องตรวจสอบส่วนประกอบให้ดีก่อนว่า ไม่มีสารในกลุ่มเหล่านี้

 

 

ครีมสำหรับผู้หญิง VS. สำหรับผู้ชาย

แม้สภาพผิวหน้าของผู้หญิงและผู้ชายจะดูไม่เหมือนกัน และควรใช้ครีมแยกประเภทกัน แต่ตามจุดประสงค์หลักของครีมทาผิวนั้น ถูกออกแบบมาเพื่อให้ความชุ่มชื้นเป็นหลัก ดังนั้นเราจึงควรเลือกใช้ครีมจากส่วนผสมมากกว่า ซึ่งไม่ควรประกอบไปด้วยสารที่อาจทำให้เกิดความระคายเคือง เช่น น้ำหอม แอลกอฮอล์หรือสารกันเสีย เป็นต้น

 

 

 

 

Tags:
• ครีมทาผิว
• ผิวผู้ชาย
• ผิวผู้หญิง