ดังที่หลายๆ คนน่าจะทราบกันดีครับว่าในหลวงรัชกาลที่ 9 นั้นทรงมีพระราชอัจฉริยะภาพในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น วิทยาศาสตร์ การประดิษฐ์และอีกมากมายจนนับไม่ถ้วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผลงานพระราชนิพนธ์ที่ทรงถ่ายทอดออกมาเพื่อให้เป็นดังหลักคำสอนจากพระองค์ถึงลูกๆ ทุกคนในประเทศด้วยเหตุนี้เองผมจึงอยากจะรวบรวมคำสอนเหล่านั้นมานำเสนอเพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สิ้นสุดไม่ได้ของพ่อผู้อยู่ในใจไทยตลอดกาล 

เมื่อข้าพเจ้าจากสยามสู่สวิทเซอร์แลนด์

 

สำหรับผลงานชิ้นนี้นั้หลายๆ คนอาจจะรู้สึกไม่ค่อยคุ้นเคยเท่าใดนักแต่ก็ถือได้ว่าเป็นผลงานพระราชนิพนธ์ที่คนไทยควาหามาอ่านให้ได้สักครั้งในชีวิตเพื่อให้ทราบถึงความในใจของพระองค์ครั้งเมื่อทรงต้องจากประชาชนชาวไทยไปยังสวิสเซอร์แลนด์ โดยผมจะขอหยิบยกเอาตอนหนึ่งจากในหนังสือมานำเสนอซึ่งข้อความเหล่านั้นก็คือ

 “รถแล่นฝ่าฝูงคนไปได้อย่างช้าที่สุดถึงวัดเบญจมบพิตร รถแล่นเร็วขึ้นได้บ้างตามทางที่ผ่านมา ได้ยินเสียงใครคนหนึ่งขึ้นมาดังๆ ว่า ‘อย่าทิ้งประชาชน’ อยากจะร้องออกบอกเขาลงไปว่า ถ้าประชาชนไม่ ‘ทิ้ง’ ข้าพเจ้าแล้วข้าพเจ้าจะ ‘ละทิ้ง’ อย่างไรได้แต่รถวิ่งเร็วและเลยไปไกลเสียแล้ว”

หลายๆ คนอาจจะคุ้นเคยกับถ้อยคำพระราชปรารภนี้เป็นอย่างดี แต่แท้จริงแล้วนั้นในถ้อยคำดังกล่าวของพีะองค์กลับแฝงไปด้วยข้อคิดที่น่าสนใจนั่นก็คือความตั้งมั่น ตั้งใจ ในหน้าที่ ความรับผิดชอบต่างๆ ที่พระองค์ได้ทรงรับมาโดยไม่บ่ายเบี่ยง และตั้งพระหฤทัยทำให้ดีที่สุดนั้นเองซึ่งเราสามารถนำไปปรับใช้ได้กับการตั้งใจและมุ่งมั่นในการปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมานั่นเอง

พระมหาชนก

 

พระมหาชนก งานพระราชนิพนธ์ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงแปลเป็นภาษาอังกฤษโดยตรงจากมหาชนกชาดกในพระไตรปิฎก ส่วนพระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกายชาดก เล่มที่ 4 ภาคที่ 2 ปรับแต่งดัดแปลงเล็กน้อย เพื่อให้เข้าใจง่าย และสอดคล้องกับยุคสมัยและปัญหาโลกปัจจุบันและถือได้ว่าเป็นผลงานพระราชนิพนธ์อีกหนึ่งเล่มเลยละครับที่คนไทยรู้จักและมักจะมีการนำมาพูดถึงอยู่บ่อย โดยข้อคิดและสิ่งสอนใจในเรื่องนั้นอยู่ในช่วงที่พระมหาชนกทรงเรือแตกและว่ายน้ำอยู่ในมหาสมุทรนานถึง 7 วัน 7 คืน ก่อนที่พระมหาชนกจะพบกับนางมณีเมขลาและได้กล่าวกับนางว่า

“ดูก่อนเทวดา ผู้ใดรู้แจ้งว่าการงานที่ทำจะไม่ลุล่วงไปได้จริง ชื่อว่าไม่รักษาชีวิตของตน ถ้าผู้นั้นละความเพียรในฐานะเช่นนั้นเสีย ก็จะพึงรู้ผลแห่งความเกียจคร้าน”

“ดูก่อนเทวดา คนบางพวกในโลกนี้เห็นผลแห่งความประสงค์ของตน จึงประกอบการงานทั้งหลาย การงานเหล่านั้นจะสำเร็จหรือไม่ก็ตาม”

“ดูก่อนเทวดา ท่านก็เห็นผลแห่งกรรมประจักษ์แก่ตนแล้วมิใช่หรือ คนอื่นๆจมในมหาสมุทรหมด เราคนเดียวยังว่ายข้ามอยู่ และได้เห็นท่านมาสถิตย์อยู่ใกล้ๆ เรา เรานั้นจักพยายามตามสติกำลัง จักทำความเพียรที่บุรุษควรทำ ไปให้ถึงฝั่งแห่งมหาสมุทร”

ซึ่งนี่แหละครับคือถ้อยคำที่แฝงไปด้วยหัวใจของพระราชนิพนธ์ชิ้นนี้ซึ่งก็คือความเพียรนั่นเอง สำหรับหลักการแห่งความเพียรนั้นเราสามารถรำมาปรับใช้ได้กับทุกๆ อย่างในชีวิตขอเพียงมีความเพียรทุกอย่างย่อมประสบผลอย่างแน่นอน

ทองแดง

 

ผลงานพระราชนิพนธ์อีกหนึ่งเรื่องที่มีการตีพิมพ์ในหลากหลายเวอร์ชั่นไม่ว่าจะเป็นการ์ตูนหรือภาพถ่ายธรรมดาบอกเล่าเรื่องราวของสุนัขทรงเลี้ยงของในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งพระองค์ได้ทรงเขียนเอาไว้ว่า

เมื่อครั้งมาใหม่ๆ สมัยที่ทองแดงยังเป็นลูกสุนัข มีอายุเพียง 5 สัปดาห์ ทำให้ต้องอาศัยนมแม่มะลิ ยังชีพให้เติบโต ซึ่งต่อมาแม้ทองแดงจะเลิกกินนมแม่มะลิแล้วก็ตาม ทองแดงก็ยังแตกต่างจากสุนัขตัวอื่น ตรงที่จะชอบอยู่คลอเคลียกับแม่มะลิเลียหน้าตาประจบประแจงอยู่เสมอ

แม้ทองแดงแยกกับแม่มะลิ เมื่อมีโอกาสพบกันครั้งใด ทองแดงก็ยังแสดงความเคารพแม่มะลิทุกครั้ง ทั้งที่แม่มะลิไม่ได้เป็นสุนัขโปรด ซึ่งต่างไปจากทองแดงที่ได้เข้าเฝ้าใกล้ชิด ช่วงตอนนี้เองที่พระราชนิพนธ์ กล่าวไว้ว่า ผิดกับคนอื่น เมื่อกลายเป็นคนสำคัญแล้ว มักจะลืมตัว และดูหมิ่นผู้มีพระคุณต่ำต้อย”

ซึ่งจากข้อความดังกล่าวนั้นได้แฝงเอาไว้ถึงความกตัญญูรู้คุณของคุณทองแดงที่ถึงแม้จะมีความใกล้ชิดกับในหลวงรัชกาลที่ 9 แต่ก็ไม่เคยลืมแม่มะลิสุนัขที่เคยให้นมกับตนเอง

อย่างไรก็ตามผลงานทั้ง 3 เล่มที่ผมยกมาให้คุณผู้อ่านได้ติดตามกันนั้นเป็นผลงานเพียงไม่กี่เล่มเท่านั้นจากพระราชนิพนธ์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งมีจำนวนมากมายหลายต่อหลายเล่มและถือได้ว่าเป็นสิ่งที่มีค่าอย่างหาที่สิ้นสุดไม่ได้ ยังไงก็อย่าลืมไปหามาติดตามกันนะครับ

Tags:
• ในหลวง
• พระราชนิพนธ์
• รัชกาลที่9