Jun 18, 2019 444 view Moodymuay
ในเดือนมิถุนายน 1928 เอมิเลีย เอียร์ฮาร์ท ร่วมกับวิลเมอร์ สตูลตซ์และหลุยส์ กอร์ดอน บินข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก ทำให้ชื่อของเอมิเลียถูกบันทึกไว้ในฐานะหญิงสาวคนแรกที่บินข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก เหตุการณ์นี้ทำให้เธอได้รับการต้อนรับอย่าง'ฮีโร่'เสมอไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหน มีการจัดงานต้อนรับเธอทั้งในเซาแธมป์ตันและลอนดอน ตามมาด้วยขบวนพาเหรดที่เฉลิมฉลองผ่านนิวยอร์กซิตี้ และนอกจากนี้เธอยังได้เข้าพบกับประธานาธิบดีแคลวิน คูลิดจ์ ที่ทำเนียบขาวอีกด้วย
และเนื่องในโอกาสครบรอบ 91 ปีของการเดินทางของเอมิเลีย เอียร์ฮาร์ท เราจะพาคุณไปรู้จักกับการเดินทางอันโลดโผนของหญิงสาวนักสู้ผู้นี้
เอมิเลีย เอียร์ฮาร์ทเป็นนักบินชาวอเมริกันที่สร้างสถิติการบินเอาไว้มากมายและมีชื่อเสียงจากการสนับสนุนความก้าวหน้าของผู้หญิงในการบิน เธอกลายเป็นหญิงสาวคนแรกที่บินเดี่ยวข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก และเป็นคนแรกที่ทำการบินเดี่ยวจากฮาวายไปยังสหรัฐแผ่นดินใหญ่ แต่ในระหว่างการบินรอบโลกในเดือนกรกฎาคม 1937 เอมิเลียก็หายตัวไปในที่ใดที่หนึ่งเหนือมหาสมุทรแปซิฟิก ไม่มีเคยมีใครพบซากเครื่องบินของเธอ และเธอก็ถูกประกาศว่าสูญหายไปในท้องทะเล จนถึงปัจจุบันการหายไปของเอมิเลียก็ยังคงเป็นหนึ่งในสุดยอดปริศนาที่ยังไขไม่ได้แห่งศตวรรษที่ยี่สิบ
จุดเริ่มต้นของการบิน
เอมิเลีย แมรี เอียร์ฮาร์ท เกิดที่เมืองอัทชิสัน ในรัฐแคนซัส เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 1897 เอมิเลียท้าทายบทบาททางเพศแบบดั้งเดิมตั้งแต่อายุยังน้อย เธอเล่นบาสเก็ตบอล, เข้าเรียนในคอร์สซ่อมรถยนต์ และเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเป็นระยะเวลาสั้นๆ ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 เธอทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยพยาบาลของสภากาชาดที่โตรอนโต, แคนาดา เอมิเลียเริ่มใช้เวลาดูนักบินในกองบินทำการฝึกบินที่สนามบินท้องถิ่นในโตรอนโต
หลังจากสงคราม เธอกลับมาที่สหรัฐฯและเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ที่นิวยอร์ก ในหลักสูตรเตรียมแพทย์ฯ เอมิเลียขับเครื่องบินเป็นครั้งแรกในเดือนธันวาคม 1920 ไปยังแคลิฟอร์เนีย ร่วมกับแฟรงก์ ฮอว์กส นักบินสงครามโลกครั้งที่ 1 ผู้โด่งดัง และหลังจากนั้นเธอก็หลงใหลการบินไปตลอดชีวิตของเธอ
ในเดือนมกราคม 1921 เธอเริ่มบทเรียนการบินกับครูสอนการบินหญิงที่ชื่อเนต้า สนุ๊ก และเพื่อหาค่าเล่าเรียน เธอทำงานเป็นพนักงานเก็บเอกสารที่บริษัทโทรศัพท์ลอสแองเจลิส และในปีเดียวกันนั้นเธอก็ซื้อเครื่องบินลำแรกของเธอ เป็นเครื่องบินมือสอง Kinner Airster เธอตั้งชื่อให้เครื่องบินสีเหลืองของเธอว่า “the Canary”
เอมิเลียผ่านบททดสอบการบินในเดือนธันวาคม 1921 และได้รับใบอนุญาตจากสมาคมวิชาการการบินแห่งชาติ 2 วันหลังจากนั้น เธอก็เข้าร่วมในนิทรรศการการบินครั้งแรกของเธอที่ Sierra Airdrome ในพาซาดีนา, แคลิฟอร์เนีย
สถิติการบินของเอมิเลีย
เอมิเลียสร้างสถิติการบินจำนวนมากในอาชีพของเธอ สถิติครั้งแรกมาถึงในปี 1922 เมื่อเธอเป็นนักบินหญิงที่บินเดี่ยวเหนือความสูง 14,000 ฟุต ต่อมาในปี 1932 เอมิเลียกลายเป็นผู้หญิงคนแรก (คนที่ 2 หลังจาก ชาลส์ ลินด์เบิร์ก) ที่บินเดี่ยวข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก เธอบินออกจากนิวฟันด์แลนด์, แคนาดา ในวันที่ 20 พฤษภาคม โดยเครื่องบิน Lockheed Vega 5B สีแดง และไปถึงในวันถัดมาก่อนจะลงจอดในทุ่งวัวใกล้กับลอนดอนเดอร์รี่, ไอร์แลนด์เหนือ
เมื่อกลับสู่สหรัฐฯ รัฐสภาได้มอบเหรียญกล้าหาญดีเอฟซีให้กับเธอ ซึ่งเป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของทหารที่มอบให้กับ “ความกล้าหาญหรือความสำเร็จที่ไม่ธรรมดาขณะเข้าร่วมในเที่ยวบินทางอากาศ" และเธอก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้รับรางวัลนี้ ต่อมาในปีเดียวกันนั้น เอมิเลียเป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำการบินเดี่ยวข้ามสหรัฐฯโดยไม่หยุดพัก เธอเริ่มต้นที่ลอสแองเจลิสและลงจอดในอีก 19 ชั่วโมงต่อมาที่นวร์ก, นิวเจอร์ซีย์ นอกจากนี้เธอยังเป็นคนแรกที่บินเดี่ยวจากฮาวายไปยังสหรัฐแผ่นดินใหญ่ในปี 1935 อีกด้วย
องค์กร Ninety-Nines
เอมิเลียยังคงทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อส่งเสริมโอกาสสำหรับผู้หญิงในการบิน ในปี 1929 หลังจากได้อันดับที่ 3 จากรายการ All-Women’s Air Derby การแข่งขันทางอากาศข้ามทวีปครั้งแรกสำหรับผู้หญิง เอมิเลียก็ช่วยก่อตั้ง the Ninety-Nines ซึ่งเป็นองค์กรระหว่างประเทศเพื่อความก้าวหน้าของนักบินหญิง เธอกลายเป็นประธานาธิบดีคนแรกขององค์กรนักบินที่ได้รับใบอนุญาต ซึ่งยังคงมีอยู่จนถึงทุกวันนี้และเป็นตัวแทนของนักบินหญิงจาก 44 ประเทศทั่วโลก
เที่ยวบินรอบโลก
ในวันที่ 1 มิถุนายน 1937 เอมิเลียออกเดินทางจากโอ๊คแลนด์, แคลิฟอร์เนีย บนเที่ยวบินที่มุ่งหน้าไปทั่วโลก ซึ่งเป็นความพยายามครั้งที่ 2 ของเธอที่จะกลายเป็นนักบินคนแรกที่บินรอบโลก เธอใช้เครื่องบินคู่ Lockheed 10E Electra และมีเพื่อนร่วมทางเป็นเนวิเกเตอร์ที่ชื่อเฟร็ด นูแนน พวกเขาบินไปยังไมอามีและมุ่งหน้าลงไปที่อเมริกาใต้, ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกไปยังแอฟริกา จากนั้นก็มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกสู่อินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทั้งคู่ไปถึงเลย์, นิวกินี ในวันที่ 29 มิถุนายน และเมื่อไปถึง พวกเขาก็บินไปแล้วเป็นระยะทางกว่า 22,000 ไมล์ และยังต้องบินไปอีก 7,000 ไมล์ก่อนที่จะถึงโอ๊กแลนด์
เกิดอะไรขึ้นกับเอมิเลีย เอียร์ฮาร์ท?
เอมิเลียและเฟร็ด ออกจากเลย์, นิวกินี ไปยังเกาะเล็กๆ ที่ชื่อฮาวแลนด์ ซึ่งเป็นจุดเติมน้ำมันจุดต่อไปของพวกเขา ในวันที่ 2 กรกฎาคม คือครั้งสุดท้ายที่มีคนเห็นเอมิเลีย เธอและเฟร็ดขาดการติดต่อทางวิทยุกับ Itasca เครื่องตัดระดับทะเลสาบของหน่วยยามฝั่งสหรัฐอเมริกาซึ่งทอดสมออยู่นอกชายฝั่งของเกาะฮาวแลนด์ และหายไประหว่างเส้นทางบิน
ประธานาธิบดีแฟรงกลิน ดี. โรสเวลต์ออกคำสั่งค้นหาทั้งคู่อย่างจริงจังเป็นระยะเวลานานกว่า 2 สัปดาห์ แต่ก็ไม่มีใครเคยพบพวกเขา ในที่สุดวันที่ 19 กรกฎาคม 1937 เอมิเลียและเฟร็ดก็ถูกประกาศว่าสูญหายไปในท้องทะเล
นักวิชาการและผู้ชื่นชอบการบินได้ตั้งทฤษฎีมากมายเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเอมิเลีย แม้ประกาศอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาจะบอกว่าเอมิเลียและเฟร็ดเครื่องบินตกลงในมหาสมุทรแปซิฟิก แต่ก็ยังมีทฤษฎีมากมายเกี่ยวกับการหายตัวไปของพวกเขา
ทฤษฎีการชนและจมลง
จากทฤษฎีการชนและจมอ้างว่า เอมิเลียนั้นน้ำมันหมดในขณะค้นหาเกาะฮาวแลนด์ และตกลงในทะเลเปิดที่ไหนซักแห่งในบริเวณใกล้เคียงของเกาะ มีการเดินทางค้นหาหลายครั้งในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา เพื่อพยายามค้นหาซากเครื่องบินใต้พื้นทะเลใกล้กับเกาะฮาวแลนด์ มีการใช้เครื่องโซนาร์และหุ่นยนต์สำรวจใต้น้ำลึกซึ่งล้วนแล้วแต่ล้มเหลวในการหาเบาะแสถึงจุดที่เครื่องบิน Electra ตกลง
สมมติฐานเกาะการ์ดเนอร์
กลุ่มนานาชาติเพื่อการกู้คืนเครื่องบินประวัติศาสตร์ (TIGHAR) ตั้งสมมุติฐานว่าเอมิเลียและเฟร็ด เลี้ยวออกนอกเส้นทางจากเกาะฮาวแลนด์และลงจอดที่ 350 ไมล์ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะการ์ดเนอร์ ซึ่งเรียกว่าเกาะนิกกุมาโรโร่ ในสาธารณรัฐคิริบาส ซึ่งเป็นเกาะร้างในปัจจุบัน
หนึ่งสัปดาห์หลังจากการหายตัวไปของเอมิเลีย เครื่องบินของกองทัพเรือได้บินไปทั่วเกาะ พวกเขาสังเกตเห็นร่องรอยของการอยู่อาศัยในไม่นานมานี้ แต่ไม่พบหลักฐานของเครื่องบินแต่อย่างใด
TIGHAR เชื่อว่าเอมิเลียและเฟร็ดอาจมีชีวิตรอดหลายวันหรืออาจจะหลายสัปดาห์บนเกาะนี้ก่อนจะเสียชีวิต ตั้งแต่ปี 1988 การเดินทางสำรวจหลายครั้งของ TIGHAR บนเกาะนี้ได้เปิดเผยสิ่งประดิษฐ์และหลักฐานเล็กๆ น้อยๆ เพื่อสนับสนุนสมมติฐานนี้ สิ่งประดิษฐ์บางอย่างนั้นรวมทั้งชิ้นส่วนของกระจกอะคริลิกที่อาจมาจากหน้าต่างของเครื่องบิน Electra, รองเท้าของหญิงสาวในยุค 1930, เครื่องมือที่ประดิษฐ์ขึ้นชั่วคราว, กระปุกเครื่องสำอางของผู้หญิงจากยุค 1930, กระดูกที่ดูเหมือนจะเป็นส่วนหนึ่งของนิ้วมือมนุษย์
ในเดือนมิถุนายน 2017 คณะเดินทางสำรวจของ TIGHAR ได้มาถึงเกาะนิกกุมาโรโร่ พร้อมสุนัขดมกลิ้นค้นหากระดูกพันธุ์คอลลี่ 4 ตัวถูกนำมาค้นหาบนเกาะเพื่อหากระดูกที่อาจเหลืออยู่ของเอมิเลียและเฟร็ด
ทฤษฎีอื่นๆ
มีทฤษฎีสมคบคิดมากมายเกี่ยวกับการหายไปของเอมิเลีย ทั้งทฤษฎีที่อ้างว่าทั้งคู่ถูกชาวญี่ปุ่นจับตัวไปและประหารชีวิต และทฤษฎีที่ว่าทั้งคู่ทำงานเป็นสายลับให้กับแฟรงกลิน ดี. โรสเวลต์ และใช้อัตลักษณ์ใหม่เมื่อเดินทางกลับมายังสหรัฐฯ แม้การหายไปของเธอจะยังเป็นปริศนาจนถึงทุกวันนี้ แต่ชื่อของเอมิเลีย เอียร์ฮาร์ทก็เป็นแรงบันดาลใจให้กับหญิงสาวทั่วโลกในด้านความกล้าหาญและมุ่งมั่นของเธอรวมทั้งผู้มีใจรักในการบินอีกด้วย
Cr.history