ใช่ว่าการออกกำลังกายแต่ละแบบจะเหมาะสำหรับทุกคนเสมอไป เราไม่จำเป็นต้องจำกัดตัวเองออกกำลังกายตามคนอื่น เพราะควรเลือกสิ่งที่เหมาะกับเรามากกว่าการทำตามใคร บางคนไม่ชอบวิ่ง เพราะวิ่งแล้วรู้สึกเจ็บเข่าและยิ่งเจ็บมากขึ้น ก็สามารถเปลี่ยนไปออกกำลังกายแบบอื่นได้ ไม่ผิดกติกา

 

แทนที่จะวิ่ง ให้ว่ายน้ำ

 

 

การวิ่ง จ๊อกกิ้ง หรือการเต้นแอโรบิค ส่งผลให้เกิดแรงกระแทกต่อร่างกายสูง ทั้งเข่า กล้ามเนื้อส่วนต่างๆ  เปลี่ยนเป็นการว่ายน้ำจะดีกว่า ลดการกระเทือน แต่ยังมีการสร้างแรงต้านอยู่ 

 

 

เลือกเครื่องปั่นจักรยาน

 

 

การว่ายน้ำอาจไม่เหมาะกับทุกคนเสมอไป โดยเฉพาะคนที่ว่ายน้ำไม่เป็น (ฮ่าๆ) การปั่นจักรยานจึงเป็นตัวเลือกหนึ่งที่ดี เพราะเราคุ้นเคยกับมันมาตั้งแต่เด็กๆ แต่ให้เลือกเครื่องปั่นจักรยานในยิมสักนิด จะมีแบบ Stationary Bikes จักรยานแบบนั่งตรง แบบนี้คือการนั่งแล้วโน้มตัวไปข้างหน้า ซึ่งท่านั่งก็จะฟิคอยู่แบบนั้น อาจปวดหลังได้ เปลี่ยนเป็นใช้ Recumbent Bike จักรยานแบบเอนปั่น ดีกว่า เหมาะกับมือใหม่ ไม่เกิดแรงกระแทกใดๆ

 

โยคะร้อน แทนแอโรบิก คาร์ดิโอ

 

 

อย่างที่บอกไว้ว่าการเต้นแอโรบิก คาร์ดิโอ อาจเกิดแรงกระแทกต่อส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ เปลี่ยนมาเป็นคลาสโยคะร้อนดีกว่า แม้ไม่ได้ออกจังหวะมากมาย แต่ก็ทำให้หัวใจเต้นแรงและเหงื่อออกได้ แต่ต้องระวังหน่อย บางท่าโยคะอาจยากเกินไป ดังนั้นจึงควรแจ้งครูฝึกให้เริ่มต้นด้วยท่าง่ายๆ แล้วค่อยไต่ระดับไปเรื่อยๆ อย่าฝืนทำให้สิ่งที่ร่างกายทำไม่ได้ล่ะ

 

 

ซิทอัพ หรือครั๊นช์มันไม่ดี ก็เปลี่ยนไปทำ แพลงค์

 

 

การซิตอัพหรือครั๊นซ์ เป็นการเพิ่มแรงกดที่หลังส่วนล่างมากเกินไป แทนที่จะได้กล้ามท้องแต่กลายเป็นปวดหลังจนทำไม่ไหว ลองเปลี่ยนเป็นท่าแพลงค์แทน เริ่มแรกแค่ทำค้างไว้ พยายามให้ค้างไว้ให้นานที่สุด โดยเน้นให้กระดูกสันหลังขนานกับพื้น ไม่หลังโก่งหรือหลังแอ่นเกินไป จัดเป็นท่าออกกำลังกายที่ทำแล้วได้ทุกสัดส่วน

 

สควอทไม่ได้ ให้ทำท่า วอลล์ ซิท

 

 

ท่าสควอทคือท่าปั้นบั้นท้ายและช่วยเรื่องหน้าท้องกับต้นขา แต่บางทีถ้าทำไม่ถูกก็อาจสร้างความเจ็บปวดตามมาได้ เปลี่ยนมาทำท่า วอลล์ซิท คือการยืนหันหลังให้กำแพง โดยเว้นระยะห่างไว้ช่วงหนึ่ง จากนั้นให้ย่อขาลง หลังจะพิงกับกำแพง เหมือนนั่งเก้าอี้ ต้นขาและหน้าท้องจะเกร็งโดยอัตโนมัติ

 

Tags:
• ท่าออกกำลังกาย
• ปวดหลัง