Mar 11, 2019 2107 view Moodymuay
แม้เวลาจะล่วงเลยไปเกือบ 10 ปีแล้วที่ไมเคิล แจ็คสัน จากโลกนี้ไป แต่ชื่อของราชาเพลงป๊อบขวัญใจคนทั่วโลกยังคงมีพื้นที่บนสื่อเสมอ และในปีนี้ ชื่อของไมเคิลกลับมาเป็นที่ฮือฮาอีกครั้งกับการมาถึงของสารคดีกล่าวหาสุดร้ายแรงที่ชื่อ Leaving Neverland
Leaving Neverland เป็นสารคดีความยาวขนาดกลาง ซึ่งเล่าเรื่องราวข้อกล่าวหาการข่มขืนผู้เยาว์โดยป๊อปสตาร์ชื่อดัง ซึ่งได้ทำการฉายไปแล้วในเทศกาลภาพยนตร์ซันแดนซ์ เมื่อเดือนที่ผ่านมาและกำลังฉายในช่อง HBO ในขณะนี้
เนื้อหาของสารคดี
ในบทสรุปสารคดี เเดน รีด ผู้อำนวยการสร้างสารคดีชาวอังกฤษได้กล่าวไว้ว่า "ด้วยการสัมภาษณ์อันน่าหดหู่ใจกับเด็กหนุ่มที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้วในขณะนี้ พร้อมครอบครัวของเขา Leaving Neverland ได้วาดภาพเหมือนของการแสวงหาผลประโยชน์และการหลอกลวงอันยาวนานออกมา"
ในปี 1993 ไมเคิล ถูกกล่าวหาว่าทำการล่วงละเมิดทางเพศเป็นครั้งแรกโดยครอบครัวของจอร์ดี แชนด์เลอร์เด็กชายวัย 13 ปี แต่เนื่องจากมีการเจรจากันนอกศาล จึงทำให้คดีจบลงโดยไม่มีการยื่นฟ้องแต่อย่างใด ต่อมาในปี 2005 ไมเคิล ถูกคณะลูกขุนตัดสินว่าไม่มีความผิดจากข้อกล่าวหาเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศเกวิน อาร์ไวโซ เด็กชายวัย 13 ปีอีกคนหนึ่ง
ในสารคดีจะแสดงให้เห็นว่าไมเคิลถูกกล่าวหาโดยเวด ร็อบสัน และเจมส์ เซฟชัค ว่ามีการล่วงละเมิดทางเพศเกิดขึ้น แม้ทั้งคู่จะเข้าสู่วัย 30 แล้วในปัจจุบันก็ตาม โดยทั้งคู่ให้การแยกกันว่าป๊อปสตาร์ชื่อดังได้ขืนใจพวกเขาในช่วงยุค 1990 ในขณะที่พวกเขายังเป็นเด็ก
ย้อนกลับไปในปี 2005 เวด ร็อบสัน ได้ขึ้นให้การเป็นพยานให้กับไมเคิลในการพิจารณาคดีเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศเกวิน อาร์ไวโซ ซึ่งไมเคิลก็พ้นผิดจากข้อกล่าวหาอย่างใสสะอาด แต่ในสารคดีเขากลับลำว่าเขาได้โกหกภายใต้คำสาบานเพื่อช่วยไมเคิล หลังจากมีอาการสติแตก 2 ถึงครั้งและการเกิดมาของลูกชายของเขา ทำให้เวดตัดสินใจเปิดเผยเรื่องนี้กับจิตแพทย์ของเขา โดย เวด กล่าวว่า "มันคือความเจ็บปวด ความรังเกียจ และความโกรธ เมื่อคิดว่าเรื่องราวเหล่านี้อาจเกิดขึ้นกับลูกชายของผม"
ต่อมาในปี 2013 เขายื่นฟ้องผู้จัดการกองมรดกของไมเคิล แต่ศาลไม่รับฟ้อง เนื่องจากเขาปล่อยเวลาทิ้งไว้นานเกินไป กว่าจะทำการยื่นฟ้อง ในสารคดีเวด อ้างว่าการล่วงละเมิดนั้นเริ่มต้นขึ้นตอนที่เขามีอายุเพียง 7 ปีเท่านั้น จากนั้นเวด ก็อ้างต่อว่าไมเคิลพยายามที่จะมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักกับเขาตอนที่เขามีอายุ 14 ปี เวดกล่าวว่าไมเคิลสั่งให้เขาโยนกางเกงในที่เปื้อนเลือดของเขาทิ้งไปอีกด้วย
ในขณะเดียวกันเจมส์ เซฟชัค ก็อ้างว่าไมเคิลซื้อเพชรพลอยให้เขาหลายชิ้น และถึงกับจัดงานแต่งงานปลอมๆ ระหว่างทั้งคู่ขึ้นนอกจากนี้เขายังอ้างว่ามีห้องอีกหลายห้องในคฤหาสน์เนเวอร์แลนด์ที่ไมเคิลใช้เพื่อข่มขืนเขา ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นกล่องที่ถูกล็อคซึ่งทำจากกระจกที่เห็นได้เพียงด้านเดียวเท่านั้น เจมส์อ้างว่าทั้งคู่ฝึกฝน“ การฝึกซ้อม” หลายอย่างเพื่อให้สามารถสวมเสื้อผ้าได้อย่างรวดเร็วในกรณีที่ถูกขัดจังหวะ
การตอบโต้
ผู้จัดการกองมรดกของไมเคิล ปฏิเสธการกระทำผิดกฎหมายของไมเคิลอย่างหนักแน่น พร้อมกับครอบครัวของไมเคิลที่ได้ออกแถลงการณ์ในทันทีที่ Leaving Neverland ออกฉายโดยกล่าวว่า "ไมเคิลมักจะหลีกเลี่ยงการตอบโต้เสมอ และเราก็มักหลีกเลี่ยงการตอบโต้เช่นกัน เมื่อผู้คนไล่ตามสมาชิกในครอบครัวของเรา - นั่นคือวิถีของไมเคิล แต่เราไม่สามารถยืนเฉยๆ ในขณะการตัดสินโดยสาธารณชนดำเนินต่อไป ไมเคิลไม่อยู่ที่นี่เพื่อปกป้องตัวเองอีกต่อไป ไม่อย่างนั้นข้อกล่าวหาเหล่านี้คงไม่มีวันเกิดขึ้น"
ทัช หลานชายของไมเคิล ได้ทำแคมเปญระดมทุนเพื่อสร้างสารคดีที่จะพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหาเหล่านี้เป็นเท็จ และไมเคิล"ถูกหักหลัง, ถูกวางกับดัก และขู่กรรโชก" นอกจากนี้ทัชและพี่น้องของไมเคิลยังไปปรากฏตัวในรายการ CBS This Morning และพูดคุยถึงสารคดีที่แสนอื้อฉาวนี้ว่า เวด ร็อบสัน และเจมส์ เซฟชัคอ้างว่าไมเคิลส่งจดหมายรักให้กับพวกเขา ทัชจึงแสดงโน้ตที่เขาได้รับจากไมเคิลให้ผู้คนได้ชม ซึ่งเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับความรักและความภูมิใจในตัวทัช "ลุงของผมมอบจดหมายแบบนี้ให้กับผู้คนที่ลุงห่วงใยเสมอ มันไม่มีเรื่องชู้สาวมาเกี่ยวข้องแต่อย่างใด"
นอกจากนี้เขายังเติบโตมากับการค้างคืนกับเด็กคนอื่นๆ ในบ้านของไมเคิลเช่นกัน "สำหรับผมมันไม่ใช่เรื่องแปลก แต่สำหรับโลกภายนอกมันอาจใช่ ผมคิดว่ามันอาจดูแปลก ผมหมายถึงผมไม่เคยคิดว่ามันจะฟังดูเป็นอย่างไร แต่เมื่อคุณอยู่ที่นั่นจริงๆ ในบรรยากาศเหล่านั้นที่รายล้อมคุณอยู่ คุณก็แค่ดูหนังกับเด็กคนอื่นๆ ของเขา มันบริสุทธิ์มาก"
ครอบครัวของไมเคิลคิดว่าที่เวด และเจมส์ออกมาพูดก็เพราะต้องการเงิน พวกเขาไม่เคยได้ดูสารคดีนี้และไม่มีวันดู และพวกเขาก็วิพากวิจารณ์เดน รีด ที่ไม่ตรวจสอบข้อกล่าวหาเหล่านั้นกับสมาชิกในครอบครัว มาร์ลอน พี่ชายของไมเคิลกล่าวว่า "ผมอยากให้พวกเขาเข้าใจและรู้ว่าสารคดีเรื่องนี้ไม่ได้เล่าความจริง มันไม่เคยมีหลักฐานซักชิ้นที่ยืนยันเรื่องราวของพวกเขา"
เมื่อถูกถามว่าพวกเขาไม่ควรจะดูสารคดีก่อนจะทำการโต้เถียงหรือ? แจ็คกี้ พี่ชายของไมเคิลกล่าวว่า"ผมไม่จำเป็นต้องดูสารคดี ผมรู้จักน้องชายของผม ผมรู้ว่าเขายืนหยัดเพื่ออะไร และเขาทำอะไรอยู่ นั่นก็คือการรวมโลกให้เป็นหนึ่งเดียวกัน และทำให้เด็กๆ มีความสุข คนที่รู้จักเขาจริงๆ ก็จะรู้ความจริงเช่นกัน"
การฟ้องร้อง
ผู้จัดการกองมรดกของไมเคิล ทำการฟ้องร้อง HBO เป็นเงินกว่า 100 ล้านเหรียญจากสารคดีนี้ โอยอ้างว่าการฉาย Leaving Neverland ละเมิดอนุมาตราที่จะไม่ทำการดูหมิ่น ที่ทางช่องได้ทำสัญญาไว้กับไมเคิลไว้ในปี 1992 โดยในเอกสารฟ้องร้องกล่าวว่า ตอนที่ช่อง HBO ทำการฉาย Michael Jackson In Concert In Bucharest: The Dangerous Tour นั่นหมายความว่าพวกเขาตกลงกับอนุมาตราที่ว่าด้วยการขัดขวางพวกเขาจากการดูหมิ่นไมเคิลในรายการอื่นๆ ในอนาคต
ในเอกสารการฟ้องร้องซึ่งมีจำนวนกว่า 53 หน้า และกล่าวว่าสารคดีนี้เป็นเป็นการกระทำการเพียงฝ่ายเดียวที่จะทำการโฆษณาชวนเชื่อในสิ่งที่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ และเพื่อที่จะเอาเปรียบชายบริสุทธิ์อย่างไร้ยางอาย ผู้ไม่อยู่บนโลกใบนี้เพื่อปกป้องตัวเองอีกต่อไปแล้ว
ทนายความโฮเวิร์ด ไวซ์แมน ได้กล่าวว่า "HBO ควรจะทำให้มั่นใจว่า Leaving Neverland นั้นมีแหล่งที่มาของข้อมูลอย่างถูกต้อง รวมทั้งได้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง, มีความเป็นธรรม และนำเสนออย่างเป็นกลาง"
การตอบกลับ
แดน รีดตอบกลับข้อโต้แย้งและคำวิจารณ์เกี่ยวกับสารคดีว่า "ผมไม่ได้บรรยายลักษณะของเขาเลยซักนิด ผมไม่ได้กล่าวถึงไมเคิล มันไม่ได้เป็นสารคดีเกี่ยวกับไมเคิล เนื้อหาของสารคดีเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศ, การล่วงละเมิดทางเพศเกิดขึ้นได้อย่างไร และผลกระทบที่เกิดขึ้นในภายหลัง" นอกจากนี้เขายังคิดว่า จะมีเหยื่อปรากฏตัวขึ้นอีกหลังจากสารคดีถูกฉายออกไป เพราะเขาคิดว่าไมเคิลยังล่วงละเมิดคนอื่นๆ อีกมากมาย "ไมเคิลมีอำนาจและความมั่งคั่งที่ไร้ขีดจำกัด เด็กๆ ต่างก็อยากเข้าหาเขา และเขาก็หาประโยชน์จากความชื่นชมนั้น ในเคสของเจมส์และเวดการล่วงละเมิดทางเพศนั้นกินเวลายาวนานหลายปี ผมเชื่อว่าเขาล่วงละเมิดเด็กๆ อีกมากมาย ด้วยความใคร่เด็กของเขา"
แดน รีดอ้างคำพูดของแฟนๆ ของไมเคิลกล่าวว่า "คำโกหกเหมือนการวิ่งแข่ง แต่ความจริงคือการวิ่งมาราธอน" นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่ ไม่ว่าช้าหรือเร็ว มันก็จะเปิดเผยออกมา
อีกหนึ่งสารคดีของไมเคิล แจ็คสัน
BBC ประกาศที่จะฉายสารคดีของช่องที่ชื่อว่า Michael Jackson: The Rise and Fall ในปีนี้ และมันจำนำเสนอภาพรวมของชีวิตป๊อปสตาร์คนนี้ แทนที่จะโฟกัสไปยังข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการล่วงละเมิดโดยเฉพาะ
ฌาคส์ เพเร็ตตี เป็นผู้กำกับของสารคดีนี้ได้ติดตามเรื่องราวชีวิตในวัยเด็กของไมเคิลในเมืองแกรี รัฐอินดีแอนา และดำเนินเรื่องต่อไปจนถึงวันสุดท้ายที่เข้าเตรียมตัวสำหรับคอนเสิร์ต ‘This Is It’ ที่ไม่เคยได้เกิดขึ้น
การเผยแพร่สารคดีนี้ทำให้ครอบครัวของไมเคิลถูกผลกระทบไปแบบเต็มๆ เนื่องจากเป็นข้อกล่าวหาที่มีความรุนแรงมาก นอกจากนี้สื่อต่างๆ ก็ทำการแบนผลงานของไมเคิลออกจากช่องของตัวเองเช่น สถานีวิทยุในแคนาดา,นิวซีแลนด์, ออสเตรเลีย และเนเธอแลนด์ ต่างก็ลบเพลงของไมเคิลออกจากเพลย์ลิสต์ของพวกเขา, รายการเดอะซิมป์สันส์ ลบตอนที่มีเสียงของไมเคิลออก รวมทั้งแฟนเพลงหลายคนก็หมดศรัทธาในตัวไมเคิลเช่นกัน
แต่ในขณะเดียวกันนั้น เพลงของไมเคิลในแพลตฟอร์มต่างๆทั้ง Apple Music, Spotify ฯลฯ กลับได้รับความนิยมอีกครั้ง และไต่อันดับขึ้นสู่ชาร์ตเพลงราวกับเขากลับมามีชีวิตอีกครั้ง
แม้ไม่รู้ว่าการฟ้องร้องจะจบลงแบบไหน แต่เราก็หวังว่าครอบครัวและไมเคิลผู้ล่วงลับจะได้รับความยุติธรรมเช่นกัน
Cr.nme