หนังภาคต่อ ที่เหมาะดูช่วงวันหยุดยาว

เชื่อว่าช่วงวันหยุดยาว ต้องมีทีมไปต่างจังหวัด และทีมอยู่บ้านไม่ได้ไปไหน เพราะบางครั้งการอยู่บ้าน ก็คือความสุขอย่างหนึ่ง ไม่ต้องออกไปตากแดดตากลมที่ไหนไกล แค่นอนหนังหรือซีรีย์ดีๆ สักเรื่อง เปิดแอร์เย็นฉ่ำ คั่วป๊อปคอร์นร้อนๆ มาทานเล่น ก็มีความสุขได้

และในช่วงวันหยุดยาว ก็เป็นโอกาสเหมาะเหลือเกิน ที่จะดูหนังภาคต่อแบบมาราธอน เพราะวันหยุดปกติมีเวลาแค่ 2 วัน เราคงดูไม่เต็มอิ่ม ก็ขอใช้ช่วงวันหยุดยาวนี่แหละ จัดหนักกับหนังภาคต่อดีๆ สักเรื่อง 2 เรื่อง ถ้าใครคิดไม่ออก เรามีไกด์มาแนะนำให้ตามลิสต์นี้

1. จักรวาล Marvel

กระแสมาแรงเหลือเกินสำหรับช่วงที่ Avenger End Game จ่อคิวเข้าฉายปลายเดือนเมษายน ’62 นี้ จัดหนักไปเลย กับหนังในจักรวาลมาร์เวล ไม่ว่าจะ IRON MAN, Thor, The Hulk, Captain America, Ant Man, Guardian of the Galaxy, Doctor Strange, Spider Man, Black Panther หรือจะ The Avenger และอีกมากมาย คือเลือกได้ตามใจชอบเลย นับดูแล้วก็มีประมาณ 21 เรื่องแค่นั้นเอ๊งงงง ถ้าใครอยากย้อนความจำ เก็บรายละเอียดหนังแต่ละภาคละก็ ช่วงวันหยุดยาวนี่แหละเหมาะที่สุด

2. Harry Potter

ใครเป็นสาวกโลกเวทมนตร์ จัดไป เริ่มดูกันตั้งแต่ภาคศิลาอาถรรห์ ภาคแรกไปเลยจ้า เรียกได้ว่าเป็นหนังที่เราโตมาพร้อมกับตัวละคร เห็นตั้งแต่แฮรี่ยังเป็นเด็กน้อย จนตอนนี้เป็นหนุ่มเป็นสาวกันหมดแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ก็มีทั้งหมด 7 ภาค แต่ในภาคที่ 7 ดันแบ่งออกเป็น 2 พาร์ทด้วย

3. The Lord of The Ring

มาเอาใจช่วยแซมและโฟรโด้ ให้เดินทางเอาแหวนไปทำลายที่มอร์ดอร์กันเถอะค่ะ แหม ถึงจะรู้ตอนจบอยู่แล้ว แต่เรื่องนี้คือสนุกจริง กลับมาดูอีกครั้งก็ยังประทับใจ หลายๆ เสียงมักเทใจให้ภาคแรก แต่สำหรับตัวควีนเอ รู้สึกชอบภาค 2 ที่สุด อันนี้ก็แล้วแต่คนอะเนาะ เรื่องนี้มีเพียง 3 ภาค ยังดูเบาๆ วันเดียวก็น่าจะดูครบทั้ง 3 ภาคแล้วค่ะ

4. X-men

สำหรับเรื่องนี้ มีการทำใหม่ออกมาเป็น 2 Timeline อย่างภาค 1-3 Timeline นี้เป็นภาคที่ตัวละครเป็นวัยผู้ใหญ่ โปรเฟสเซอร์ X ก็มีอายุแล้ว แต่สำหรับ Timeline ใหม่ เริ่มตั้งแต่ X-men First Class ที่เราจะได้เห็นการร่วมมือกันคือ อีริคและชาร์ล ตั้งแต่สมัยหนุ่มๆ ไปจนถึงปมขัดแย้งที่ทำให้ทั้งสองแตกหักกัน ซึ่งในภาค A Day of Future Past ก็เหมือนเป็นการโละ เหตุการณ์จาก Timeline ภาค 1-3 ทิ้งทั้งหมด แต่จะเป็นจริงมากน้อยแค่ไหน ก็ต้องไปลุ้นกันได้ภาคต่อ X-men Dark Phoenix ไม่รู้อนาคตของจีนเกรย์เหมือนกัน

5. Transformers

ไตรภาคแรกก็ว่าสนุกแล้ว มาภาค 4-5 กลายเป็นโดนด่า แต่แล้วไง หนังก็ยังขายได้ แถมพวกเราๆ นี่ก็ยังไปดูอยู่ดี เรื่องราวของหุ่นยนต์เอเลี่ยนที่ลี้ภัยมาอยู่โลก ที่ประทับใจที่สุดคือภาค 1 แม้ว่าภาค 3 เปลี่ยนนางเอก อาจดูไม่เมคเซนส์ แต่ทำไงได้ล่ะ นักแสดงกับผู้กำกับดันทะเลาะกันไง แต่ก็เอาเถอะ ทำออกมาตั้ง 5 ภาค ก็ถือเป็นหนังที่ดูเอามันได้ดีเหมือนกัน

6.Batman

ถือเป็นหนังฮีโร่ที่สร้างออกมาหลายภาคเหมือนกัน และเปลี่ยนตัวพระเอกบ่อยด้วยเช่นกัน อย่างเวอร์ชั่นที่ดูตั้งแต่เด็กก็คงจะเป็น Batman and Robin, Batman Forever ส่วนภาคที่เก่ากว่านี้เริ่มหาดูยากแล้วจ้า และในเวอร์ชั่นที่คริสโตเฟอร์ โนแลนด์กำกับ มีคริสเตียน เบล แสดง ก็ทำออกมาดีเหลือเกิน กลายเป็นมาตรฐานเรื่อง Batman ดูสูงไปเลย ไม่รู้ว่าเวอร์ชั่นใหม่จะมีการสร้างมาอีกมั้ย แต่ก็ยังติดตามอยู่นะ

7. Pirate of the Caribbean

เรื่องราวการผจญภัยของวิล เทอร์เนอร์และกัปตันแจ็ค สแปร์โรว เจ้าของเรือแบล็คเพิร์ลที่โดนหมายหัว มีด้วยกันถึง 5 ภาค เอาจริงๆ เรื่องราวที่สนุกสุดคงเป็นภาคแรกๆ 1-3 ส่วนภาค 4 และ 5 ไม่ค่อยประทับใจเท่าไร แต่ด้วยความที่ภาพยังสวย นักแสดงยังขายออกและเนื้อเรื่องก็สนุก ผู้สร้างก็ยังทำออกมาดูได้เรื่อยๆ แต่ก็มีแว่วๆ มาว่า ภาคต่อไปคงไม่มีแจ็ค สแปร์โรวแล้ว เราก็ต้องมาติดตามกันต่อไปนะคะว่าจะเป็นอย่างไร

8. Star War

การดูเรื่องนี้อาจจะงงๆ หน่อยๆ เพราะการเรียงเนื้อเรื่องไม่ได้ทำออกมาติดต่อกันแบบหนังภาคต่อทั่วไป กล่าวคือ สมัยก่อนพวกวิทยาการ เทคโนโลยีสมัยนั้น ยังไม่สามารถทำเอฟเฟกซ์ออกมาได้สมจริง หนังเลยสร้างภาค 4-5-6 ก่อน พอวงการภาพยนตร์พัฒนาเข้า ก็จึงเริ่มสร้างภาค 1-2-3 และขอสารภาพตรงนี้ว่าควีนเอ เป็นคนดูสตาร์วอร์ไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ก็พยายามดูและทำความเข้าใจอยู่เหมือนกัน ใครที่เป็นแบบเดียวกัน ใช้โอกาสวันหยุดยาวๆ ไล่ดูมาตั้งแต่ภาคแรกได้เลย เรียงตามนี้ 1 – 2 – 3 - 3.5 (Roque One) – 4 – 5 – 6 – 7 - 8

9. Mission Impossible

หนังตั้งแต่ทอม ครูซยังหนุ่มหน้าใสกิ๊ง มาพร้อมเพลงประกอบหนัง ที่ได้ยินก็ต้องนึกออกทันทีว่ามาจากหนังเรื่องอะไร คือเรื่องนี้ พระเอกอีธาน ฮันต์ คือเก่งเทพมากๆ แต่พักหลังๆ ก็ขายดราม่าเก่งเหมือนกัน อย่างตอนจับตัวนางเอกไปเป็นตัวประกันในภาค 3 น้ำตาของสายลับก็หลั่งออกมาได้ เอาเป็นว่าเรื่องนี้เป็นหนังบู๊แอ็คชั่น ที่มีจุดหักมุม จุดพลิกผัน และฉากบู๊อลังการ แบบให้คะแนนเต็ม คุณผู้ชายน่าจะชอบดูนะคะ

10. Fast & Furious

จากหนังโจรกรรมรถแข่งรถ กลายเป็นหนังมิตรภาพ พระเอกของเราเปลี่ยนจากโจรเป็นทีมตำรวจ ซึ่งนอกจากเราจะดูรถสวยๆ จากเรื่องนี้แล้ว เรายังดูความเวอร์ที่แหกทุกกฏฟิสิกจ้า แต่เอาเถอะ มันสนุกจริงๆ แต่ดูแล้วอาจคิดถึงนักแสดงผู้ล่วงลับอย่าง พอล วอร์คเกอร์ก็ได้นะ คิดแล้วก็เสียดาย ถ้ายังมีชีวิตอยู่ก็ดีสิเนาะ

11. Star Trek

“ทำไมเรายังไม่วาร์ป” ประโยคนี้ใครต้องเคยได้ยินกันบ้างแหละ ซึ่งดั่งเดิมเลยนี่ มีฉายตั้งแต่ปี 1966-1991 เป็นซีรีย์ทั้งหมด 6 ภาค เป็นภาพยนตร์ ฉาย 1994-2002 อีก 4 ภาค และภาครีบูท ที่คริส ไพน์ แสดง ฉายตั้งแต่ปี 2009-2016 ทั้ง 3 ภาค ภาคเก่าๆ หาดูยากไม่จำเป็นต้องดูก็ได้ ดูภาครีบูทดีกว่าค่ะ สนุกครบรส ตลก และชอบในความแฟนตาซี จนหลงรักอวกาศไปเลย

12.Back to the future

หนังย้อนเวลาที่คิดว่าสนุกครบรสที่สุด ทั้งขำ ทั้งลุ้น กลมกล่อม มีเสน่ห์แบบที่นึกไม่ออกมาจะมีหนังย้อนเวลาเรื่องไหนมาแทนที่ได้มั้ย เป็นหนังที่แทบไม่มีเสียงเรียกร้องให้รีบูทใหม่ เพราะภาคต้นฉบับมันดีอยู่แล้ว เป็นหนังสำหรับครอบครัวขนานแท้ที่ใครยังไม่ได้ดูต้องรีบจัดโดยด่วน

13.Alien / Predator

เป็นหนังที่สมัยก่อนน่าจะว้าวมากเลยทีเดียว ด้วยเอฟเฟกซ์และการดีไซน์ตัวเอเลี่ยนและพรีเดเตอร์ ก็ทำออกมาดีมากในยุคนั้น ซึ่งก็ทำหนังเอเลี่ยนออกมาทั้งหมด 4 ภาค และมีหนังแยกออกมาเป็นเรื่องราวก่อนเรื่องเอเลี่ยน โดยเป็นต้นกำเนิดของเอเลี่ยนชื่อเรื่อง Prometheus และ Alien Covenant ส่วน Predator ก็มีทั้งหมด 4 ภาค และในหนังที่มีการ Cross Over กัน Alien vs Predator ก็มีทั้งหมด 3 ภาค ไปตามดูได้เช่นกันค่ะ

14. The Mummy

เรื่องราวเร้นลับของคำสาปจากมัมมี่ ซึ่งแม้ว่าภาค 3 จะหลุดไปเล่นประวัติศาสตร์มัมมี่จีนแทน ถึงหนังชุดนี้จะเป็นหนังเก่า แต่ก็ยังมีความสนุก ซึ่งยังไม่ค่อยเห็นมีใครทำหนังมัมมี่ออกมาได้ดีขนาดนี้ แม้ว่าจะมีเวอร์ชั่นรีบูทใหม่เป็นทอม ครูซแสดงที่จะเริ่มรวมจักรวาล ดาร์คยูนิเวิร์ส ก็ยังทำไม่ได้ดีเท่าภาคต้นฉบับเท่าไร นับเป็นหนังที่ควีนเอดูมาตั้งแต่เด็ก ก็ยังชอบอยู่ และดูทีไรก็นึกถึงวัยเด็กทุกครั้งเลยค่ะ

15.Indiana Jones

หนังผจญภัย ล่าสมบัติที่เป็นที่จดจำ มีทั้งปริศนา และฉากแอ็คชั่น ที่แฮริสัน ฟอร์ด แสดงแบบสุดตัว มีทั้งหมด 4 ภาค คือถ้าพูดถึงหนังภาคต่อ เรื่องนี้ก็ไม่แพ้เหมือนกัน ได้เห็นแฮริสันฟอร์ดตั้งแต่ยังหนุ่ม ไปจนถึงเริ่มมีอายุขึ้นเลย แม้ว่าจะเก่า เอฟเฟกซ์อาจดูแล้วขัดใจ แต่หนังก็มีเสน่ห์ในแบบหนังยุคก่อนเหมือนกันค่ะ

16. Final Destination

หนังโกงความตายชุดนี้คือมีจุดเด่นที่ฉากการตายแปลกๆ ตั้งแต่แปลกธรรมดา ไปจนถึงแปลกประหลาด คือดีไซน์ฉากการตายออกมาได้สร้างสรรค์ ต้องยกให้เรื่องนี้เลย เราลุ้นเอาใจช่วยตัวละครมาตลอด และแน่นอนว่า ภาคที่ดีที่สุดคือ 1-2-3 ส่วนภาค 4-5 นอกจากฉากการตายแบบเจ็บๆ แล้ว ความหลอน ความขลังแบบต้นฉบับหายไปเยอะ เนื้อเรื่องก็คือเหมือนเดิมไม่มีอะไรแตกต่างเท่าไร แต่ดูเอาสนุกนะพอไหวค่ะ

17. Resident Evil

หนังผีซอมบี้ที่ครองใจแฟนๆ ทั้ง แฟนเกม และแฟนหนัง แม้ว่าอลิสจะเป็นตัวละครที่สร้างขึ้น ไม่มีอยู่จริงในเกมก็เถอะ ภาคต้นๆ คือทำออกมาได้ดีมาก ส่วนภาคท้ายๆ อลิสนี่แทบจะกลายเป็นยอดมนุษย์ เก่งเกินใครจริงๆ ซึ่งก็อย่าไปคิดอะไรมากเลย ดูไป เก็บรายละเอียดไป มันก็คือหนังดูเอามันเรื่องหนึ่ง

18. The Hunger Game

เป็นหนังที่ประทับใจอีกเรื่อง ชอบการพัฒนาของเนื้อเรื่องและตัวละคร จากภาคแรกคือนางเอกสู้เพื่อน้อง สู้เพื่อตัวเอง แต่พอภาค 2 นางเอกต้องร่วมมือกันสู้ และกลายเป็นกำลังสำคัญในการต่อต้านเผด็จการ ชอบตรงที่หนังเล่นประเด็นการต่อสู้ ที่ไม่ได้ใช้แค่กำลัง

แต่ต้องใช้สมองด้วย ถือเป็นหนังภาคต่อที่ทำออกมาได้ดี

19. Twilight

แวมไพร์หน้าหล่อ ที่มีเสน่ห์จนสาวๆ กรี๊ดกร๊าดกันในยุคนั้น แม้จะโดนกระแสลบมาบ้างว่าเป็นหนังรักที่นักแสดงแสดงได้แข็งมาก แถมโดนล้อว่าโรแมนติกไม่พอ เอาจริงๆ มันก็ไม่ได้ทำให้คนมีแฟนดูหรอก มันเหมาะจะทำให้สาวโสดดูแล้วกรี๊ดไปกับเอ็ดเวิร์ด และเจคอป แถมมโนไปว่าตัวเองเป็นเบลล่ามากกว่า

20. จักรวาลหนังผี

อุ้ย พูดถึงหนังมาหลายแนวแล้ว จะลืมหนังผีไปได้อย่างไรละ แต่ก็ไม่เหมาะจะดูคนเดียวนะ ช่วยกันแบ่งปันความกลัวกันดีกว่า โดยเรื่องที่จะแนะนำจะเป็นจักรวาลหนังผีที่มีภาคต่อหลายภาค อาทิ

The Conjuring 1-2, Annabell 1-2, The Nun
Insidius 1-4

ซึ่งเรื่องข้างต้นจัดเป็นหนังผียุคใหม่ๆ ที่ทำออกมาน่ากลัวเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าใครชอบแนวนี้ก็แนะนำเพิ่มเป็น The Exorcist 1-5, Sinister 1-2, Paranormal Activity 1-4 เป็นต้น