Oct 14, 2018 931 view A.J.style
การสำรวจใต้ทะเลนั้นเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่มนุษย์หลายๆ คนได้ทำการสำรวจกันมาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบันเพื่อค้นหาว่าแท้จริงแล้วใต้ทะเลนั้นมันมีอะไรอยู่มากน้อยเท่าใด โดยในปัจจุบันนั้นเมื่อโลกของเราเริ่มมีวิทยาการทางด้านการนำเอาคลื่นเสียงและเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าในการสำรวจถึงสิ่งต่างๆ ที่อยู่ใต้ท้องทะเลมาใช้กันมากขึ้น แน่นอนครับว่าสิ่งที่ตามมาย่อมหนีไม่พ้นเรื่องราวตำนานอันลี้ลับที่เกิดขึ้นภายใต้พื้นน้ำสีน้ำเงิน ในวันนี้ผมจะพาคุณผู้อ่านทุกท่านมาติดตามเรื่องราวสุดประหลาดซึ่งเกิดมาจากคลื่นเสียงที่ยังคงเป็นปริศนาและยังไม่มีใครรู้จนกระทั่งปัจจุบันนี้ว่ามันคืออะไรกันแน่
เสียงปริศนา
เรื่องราวทั้งหมดของเราเริ่มต้นขึ้นในช่วงกลางฤดูร้อนปี 1997 เมื่ออยู่ดีๆ องค์กรสมุทรศาสตร์และบรรยากาศแห่งประเทศสหรัฐอเมริกาเกิดจับคลื่นสัญญาณความถี่ต่ำซึ่งอยู่บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิคได้โดยบังเอิญ ว่ากันว่าคลื่นเสียงดังกล่าวนั้นมันดังต่อเนื่องเป็นระยะเวลายาวนานถึงเกือบ 1 นาทีและมันน่าจะเดินทางมาไกลถึงเกือบ 5,000 กิโลเมตร คำถามสำคัญก็คือสิ่งมีชีวิตหรืออะไรกันแน่ที่สามารถทำเสียงได้ไกลถึงขนาดนี้
ซึ่งถ้าหากว่าตัวการที่เป็นแหล่งกำเนิดสียงมีชีวิตนั่นหมายความว่ามันจะต้องเป็นสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกแต่กระนั้นก็ตามมีผู้โต้แย้งว่าเสียงที่เกิดขึ้นอาจมาจากการถล่มของภูเขาน้ำแข็งก็เป็นได้ด้วยเหตุนี้เองประเด็นดังกล่าวจึงยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่ามันคืออะไรกันแน่
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ The Bloop
สำหรับในปัจจุบันนี้ทฤษฎีที่ได้รับการยอมรับกันมากที่สุดเกี่ยวกับเรื่องคลื่นเสียงปริศนาอย่าง The Bloop นั้นก็คือทฤษฎีที่ว่าเสียงดังกล่าวนั้นแท้จริงแล้วมันก็เป็นเพียงแค่การเคลื่อนตัวของภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น แต่ถึงกระนั้นก็ตามยังคงมีกลุ่มผู้ที่ไม่เชื่อถือในตัวทฤษฎีดังกล่าวเท่าไหร่แถมยังมีประชาชนที่ออกมารวมตัวกันอีกด้วยว่ารัฐบาลพยายามจะปกปิดความจริงอะไรบางอย่างจากพวกเขาและเสียงดังกล่าวนั้นมันจะต้องเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ใต้ทะเลอย่างแน่นอน
บทสรุปของปริศนาสุดแปลก
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าในปัจจุบันนี้จะยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนเกี่ยวกับ The Bloop ว่าแท้จริงแล้วมันคืออะไรกันแน่แต่อย่างไรก็ตามมันก็ยังไม่มีใครที่สามารถระบุได้อย่างชัดเจนว่าสรุปแล้วเจ้า Bloop ที่ว่านี่มันคืออะไรกันแน่และไม่แน่ว่าแท้จริงแล้วใต้ทะเลลึกอาจจะมีสัตว์ขนาดใหญ่ที่มนุษย์ยังไม่เคยรู้จักกันอยู่ก็เป็นได้ แต่สำหรับตอนนี้ทฤษฎีที่ได้รับการเชื่อถืออยู่ก็ยังคงเป็นเรื่องของรอยเลื่อนของเปลือกน้ำแข็งที่ก่อให้เกิดเสียงสุดลึกลับตามมานั่นเอง
ขอขอบคุณเรื่องจาก : wired
ขอขอบคุณคลิปจาก : AS N
ติดตามเรื่องราวดีๆ ได้ที่ : Crossboxs