Nov 12, 2015 20381 view Sukiez
จุดเริ่มต้นของการทำงานคือ การสมัครงาน สิ่งที่คน “จะทำงาน” ต้องมีคือ เรซูเม่ (résumé) หรือในชื่อไทยว่า "ประวัติการเรียนและประวัติการงาน" ซึ่งก่อนที่จะจบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยจะมีการเรียนการสอนการเขียน Resume อย่างแน่นอน หลายคนอาจคิดว่า ก็แค่กระดาษใบเดียว ทำไมต้องสนใจ? และ ในเมื่อทุกคนที่จบมา ต่างก็มี Resume ของตัวเอง ถ้ามีผู้สมัครมากกว่า 3 คน จะทำอย่างไรให้ฝ่ายบุคคลสนใจและเลือกเราเข้าทำงาน? #เก่งขึ้นCB
นั่นล่ะคือสิ่งที่เราต้องทำการบ้าน รู้มั้ยคะว่าการเขียน Resume ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง แล้วถ้าออกแบบให้น่าสนใจ น่ามองนี่ก็ได้ใจเข้าไปอีก เชื่อสิว่าใครๆ ก็อยากอ่าน Resume สีสันสวยงาม มากกว่ากระดาษสีขาวดำ ที่เต็มไปด้วยข้อความเรียงยาวติดกัน เพราะงั้นค่ะ ทีม CrossboXs จะนำเสนอแนวทางใหม่ๆ ของการทำให้ Resume ธรรมดาๆ ดูมีอะไรน่าสนใจมากขึ้นกันค่ะ
“CREATIVE RESUME”
ในยุคสมัยที่มีการแข่งขันมากขึ้น เราสามารถสร้างความโดดเด่น เรียกความสนใจจากฝ่ายบุคคลได้ด้วย Resume ของเราเอง เรียกว่า สะดุดตาตั้งแต่ยังไม่เจอตัวเป็นๆ กันเลยทีเดียว Creative Resume คืออะไร? เพื่อนๆ ที่ทำงานแล้วคงจะทราบใช่ไหมคะว่า รูปแบบของ Resume จะมีแค่ไม่กี่แบบ ดูน่าเบื่อและจำเจ และลองคิดกลับกัน หากคุณเป็นฝ่ายบุคคล ที่ในหนึ่งวันจะได้รับ Resume เป็นสิบๆ แต่ทั้งหมดนั้น เป็นรูปแบบเดิมๆ แบบเดียวกัน มันคงเป็นอะไรที่น่าเบื่อมาก แล้วถ้าสมมติ อยู่ๆ ไปเจอ Resume อันหนึ่งที่ดูแตกต่าง หรือเด่นขึ้นมา คุณต้องหยิบมันขึ้นมาดูเป็นอันแรกอย่างแน่นอน
Concept ของ Creative Resume ที่ดีง่ายมากเลยค่ะ แค่ “Well-written & design with nice layout” คือ แค่มีการเขียนและออกแบบที่ดี จัดวางรูปแบบให้สวยงาม แค่นี้คุณก็จะได้ Creative Resume ที่ดีแล้วค่ะ
บน Creative Resume ควรมีอะไรบ้าง? จากตัวอย่าง Template ของ Creative Resume ด้านล่างนี้ ขออธิบายตามตัวเลขเลยละกันนะคะ
ตัวอย่างในการเขียนเรซูเม่
ชื่อของผู้สมัคร ในส่วนนี้เพื่อนๆ ควรเน้นที่ชื่อจริง และนามสกุล มากกว่าชื่อเล่น จะใช้รูปแบบตัวอักษรแบบพิมพ์ใหญ่ทั้งหมดก็ไม่ผิดนะคะ กลับดีซะอีกค่ะ ใหญ่ ชัด สะดุดตาจนฝ่ายบุคคลจำได้ว่า Resume นี้ใครเป็นเจ้าของ ข้อมูลส่วนตัวต่างๆ ตาม Template เลยค่ะ ทั้งหมดจะอยู่ด้านซ้ายมือของกระดาษ รูปถ่าย การจะทำให้ Resume ธรรมดาๆ เป็น Creative Resume ได้นั้น รูปภาพไม่จำเป็นต้องเป็นรูปที่ใส่ชุดครุย หน้าซีเรียส แบบถ่ายบัตรประชาชน ก็ได้นะคะ ขอแค่เป็นรูปที่สุภาพ ดูดี จะเป็นรูปที่ถ่ายจากร้านแล้วนำมาติดใน Resume ที่พิมพ์ออกมาแล้ว หรอจะใช้เป็น File จัดการแปะ ให้เสร็จแล้วค่อยทำการพิมพ์ออกมาทีเดียวเลยก็ได้ค่ะ ส่วนตัวแล้วแนะนำแบบหลังดีกว่าค่ะ ป้องกันรูปหลุดหายระหว่างการส่ง และแบบหลังยังสามารถแนบเป็นไฟล์ ส่งผ่าน E-Mail ได้อย่างง่ายดายอีกด้วย About Me กรอกข้อมูลส่วนตัวของเพื่อนๆ ตามหัวข้อได้เลยค่ะ ในส่วนของปีเกิด แนะนำให้ใช้เป็นปี ค.ศ. จะดีกว่านะคะ พยายามทำให้เป็นสากล เราจะได้สมัครได้ทั้งองค์กรของไทย และต่างประเทศ * ในส่วนของ Hobby อย่าเขียนเลอะเทอะนะคะ แนะนำให้เป็นงานอดิเรกที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งที่อยากสมัครค่ะ จะได้ดูมีความเกี่ยวข้องและน่าสนใจมากขึ้น เช่น อ่านหนังสือ, เล่นคอมพิวเตอร์ (โปรแกรมที่มีสาระ), ถ่ายรูป เป็นต้น * ถ้าไม่มีงานอดิเรกให้เปลี่ยนเป็น Skills ก็ดีนะคะ เช่น ทักษะทางด้านภาษา หรือ การใช้อุปกรณ์เฉพาะทางต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งที่สมัคร และทักษะที่สำคัญมากๆ คือ Computer Skills สมัยนี้ไม่มีงานไหนที่ไม่ใช้คอมพิวเตอร์แล้วค่ะ บางคนไม่ได้เขียนทักษะนี้ลงไป ฝ่ายบุคคลอาจจะสงสัยได้ค่ะว่า คุณใช้คอมพิวเตอร์เป็นหรือเปล่า และอาจรุนแรงถึงขั้นไม่สนใจอ่านต่อเมื่อเปรียบเทียบกับผู้สมัครอื่นๆ แล้ว อย่างน้อยที่สุดโปรแกรมเบื่องต้นต้องได้ Address & Contact ที่อยู่และการติดต่อ ควรเป็นข้อมูลที่ Update และชัดเจน ไม่ ผิดพลาด ในส่วนของ Facebook นั้น ถ้าคิดว่าในนั้นไม่มีสิ่งที่ทำให้ภาพลักษณ์เราดูไม่ดี ก็ใส่ลงไปได้ค่ะ นอกจากที่ให้กรอกลงใน Template นี้ ถ้าเพื่อนๆ มีช่องทางที่สามารถติดต่อได้อื่นๆ ก็สามารถ เพิ่ม ลด ได้ตามสบายเลยนะคะ Objective ในส่วนของจุดประสงค์ สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 แบบค่ะ 1. สำหรับนักศึกษาที่ฝึกงาน น้องๆ สามารถเขียนถึงสิ่งที่เราคาดหวังว่าจะได้จากการฝึกงานในตำแหน่งนี้ หรือ บอกวัตถุประสงค์ที่เลือกบริษัทหรือองค์กรนี้ เพราะอะไร เพื่อให้ทางองค์กร เลือกตำแหน่งที่เหมาะสมให้น้องๆ ต่อไป 2. สำหรับคนทำงาน ตรงส่วนนี้ สามารถเขียนจุดประสงค์ลงไปได้เลยว่า เราเลือกสมัครตำแหน่งนี้ของที่นี่เพราะอะไร เช่น ต้องการพัฒนาตัวเอง ต้องการความท้าทายใหม่ในชีวิต หรือ การที่เราเชื่อมั่นว่าองค์กรนั้นๆ สามารถทำให้เราเป็นคนที่เก่งขึ้นได้เลยต้องการมาทำตำแหน่งนี้ที่นี่ ** ไม่ควรเขียนเงินเดือนที่คาดหวังว่าจะได้** ใน Resume เนื่องจากเราไม่มีทางทราบเลยว่า จะมีใครเห็น Resume ของเราบ้าง ให้เขียนเงินเดือนที่คาดหวังในใบสมัครของบริษัทเลยดีกว่า ข้อมูลการศึกษา การเขียนข้อมูลการศึกษา ควรเริ่มเขียนจากการศึกษาระดับสูงสุด (วุฒิล่าสุดที่จบมา) แล้วค่อยเรียงลงมาจนถึงวุฒิมัธยมปลาย หรือ ปวช. ซึ่งถือเป็นวุฒิที่ต่ำสุดที่นิยมเขียนลง Resume กันค่ะ การเขียนให้เรียง ลำดับจากช่วงเวลาที่เรียน ชื่อวุฒิที่ได้รับ และชื่อสถาบัน เช่น 2008-2011 B.A. in Business Administration, Khon Kaen University 2007-2009 Certificate of Secondary Education, Khon Kaen Wittaya *** ชื่อวุฒิ ต้องเขียนด้วยตัวพิมพ์ใหญ่เสมอ และชื่อสถาบัน ให้ใส่จังหวัดที่สถาบันตั้งอยู่ ยกเว้นสถาบันที่ใช้ชื่อจังหวัดเป็นชื่อสถาบันอยู่แล้ว Work Experience สำคัญมากๆ ค่ะ แต่ละองค์กรหรือบริษัทที่เคยทำงานมา ล้วนมีผลต่อการพิจารณาทั้งนั้น อายุการทำงานของแต่ละที่ ที่เพื่อนๆ เคยทำงานมาก็เช่นกันค่ะ มันเหมือนเป็น Credit ให้เพื่อนๆ อีกทางหนึ่งด้วยว่า ก่อนจะมาสมัครที่นี่ เราเคยมีประสบการณ์การทำงานมาจากที่ไหนบ้าง ส่วนการเขียนนั้นจะเรียงคล้ายๆ กับ การศึกษา ถ้าเคยผ่านงานมาหลายที่ ให้เขียนงานที่ทำปัจจุบันก่อน แล้วเรียงไปจนถึงตำแหน่งงานแรก เช่น 2013-2015 Managing Director, ABC Company (3 years) - Coordinate with other functional departments - Negotiated with potential overseas buyer 2011-2013 General Manager, Wang Lan Co,Ltd., Chiang Mai (3 years) - Planned strategies for expanding company market - Analyzed market status and forecasting trends in the industry ส่วนน้องๆ นักศึกษาที่จะฝึกงานนะคะ ในส่วนนี้ ถ้าน้องๆ ยังไม่มีประสบการณ์การทำงานให้น้องๆ เปลี่ยนเป็น Certifications and Rewards แทนก็ได้ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการอบรมต่างๆ หรือการแข่งขัน การประกวด ได้หมดเลยค่ะ เขียนเรียงตามลำดับ ล่าสุดมาก่อนเช่นกัน
Activities (What you have done in university) “เกรดทำให้คุณมางานทำ แต่กิจกรรมจะทำให้คุณทำงานเป็น” คำสอนนี้ได้ยินมาตั้งแต่สมัยเข้าเรียนมหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 1 ทางบริษัทอาจใช้ส่วนนี้พิจารณารับเข้าเพราะกิจกรรมที่คุณเข้าร่วมนั้น จะสามารถบอกได้ว่า คุณเป็นคนอย่างไร มีจิตอาสาไหม ทำงานร่วมกับผู้อื่นได้หรือไม่ เพราะกิจกรรมในมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่จะเป็นจิตอาสาและทำงานกันเป็นหมู่คณะ ใช่ค่ะ ไม่ทำกิจกรรมก็ใช่ว่าจะทำงานไม่เป็น แต่มันก็สามารถวัดได้ว่า คุณปรับตัวและเข้ากับผู้อื่นได้มากน้อยแค่ไหน
Creative Resume มีทั้งข้อดีและข้อเสีย
ข้อดี
- ดูเด่น น่าสนใจมากขึ้น และง่ายแก่การจำ
- ทำให้เห็นจุดแข็งของผู้สมัครได้อย่างชัดเจน
- เปิดโอกาสในการโฆษณาได้มากขึ้น
ข้อเสีย
- อาจจะไม่เหมาะกับบางตำแหน่ง เช่น ตำแหน่งทางธนาคารและการเงิน ตำแหน่งการลงทุน หรือหน่วยงานรัฐ เพราะตำแหน่งเหล่านี้ ล้วนต้องการอะไรที่เป็นระเบียบ หรือเรียกง่ายๆ ว่า “ต้องเป๊ะ” และคงรูปแบบเดิมๆไว้เพื่อความน่าเชื่อถือ
- ถ้า Creative Resume ที่คุณทำมัน Creative มากเกินไป เช่น ใส่รูปเยอะๆ สีจัดๆ แสบๆ ไม่เน้นการเขียนที่ถูกต้อง หรืออาจจะเขียนน้อยเกินไปเพราะมัวแต่ไปเน้นในส่วนของ Creative แบบนี้ อดได้งานแน่นอนค่ะ
เรื่องใกล้ตัวที่หลายๆ คนมองข้ามไปเพราะคิดว่า มันคงมีแค่รูปแบบเดียวนั้น จริงๆ แล้ว เราสามารถเปลี่ยนให้มันน่าสนใจมากขึ้นได้ เพียงแค่ อย่าเยอะ และ ไม่น้อยเกินไป กระดาษหนึ่งใบที่ดูไม่สำคัญอาจจะเปลี่ยนอนาคตเราได้เลยนะคะ นอกจากความรู้แล้ว CrossboXs ยังเปิดโอกาสให้ดาวโหลด Creative Resume Template
โหลดไปใช้กันแบบฟรีๆ เข้าไปโหลดมาใช้เยอะๆ กันได้เลยนะคะ
***ข้อควรระวังในการนำไปใช้*** อย่าลืมเปลี่ยนข้อมูลใน Template ให้เป็นข้อมูลของเพื่อนๆ เองนะคะ มิเช่นนั้น จะกลายเป็นว่า ส่ง Layout เปล่าๆ ไปสมัครงานแน่นอนค่ะ