Apr 14, 2017 1211 view A.J.style
ถ้าหากจะพูดถึงหนึ่งในแฟรนไชส์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลกแล้วละก็คงจะหนีไม่พ้นกับเรื่องนี้เลยครับ Fast and Furious 8 ที่ไม่ว่าพี่แกจะทำออกมาสักกี่ภาค ฐานแฟนคลับก็ยังคงเหนียวแน่นอยู่ตลอดเช่นเดิมจนเรียกได้ว่ามันคือสุดยอดภาพยนตร์ในดวงใจของใครหลายๆ คนไปเสียแล้ว ซึ่งในปีนี้ Fast and Furious ก็ได้ถูกปล่อยออกมาเช่นเคย แต่มันจะดีแล้วสนุกแบบเดิมหรือไม่ติดตามได้ในบทความนี้เลยครับ
ความสนุกที่ยังคงได้มาตรฐาน
สำหรับภาพยนตร์เรื่อง Fast and Furious 8 นั้นพูดได้เลยครับว่าตัวหนังยังคงมาตรฐานความสนุกเอาไว้ได้แบบเดิมทุกประการ ไม่ว่าจะเป็น ฉาก Action บู้ระห่ำที่ชวนให้ตื่นเต้น มุขตลกกวนๆ ที่ตัวละครปล่อยออกมาให้เห็นแบบไม่มียั้ง รวมไปถึงฉากแข่งรถที่ยังคงมีให้เห็นจนเรียกได้ว่ามันเป็นหนังอีกเรื่องที่คนดูสามารถย่อยได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องเก็บมานั่งคิดออะไรให้มันมากนอกจากปล่อยตัวปล่อยใจไปกับหนังเรื่องนี้ ซึ่งตรงจุดนี้ผมมองว่าผู้กำกับ F. Gary Gray สามารถตีโจทย์หนังเรื่องนี้ออกมาได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว มาดูกันที่ฝั่งตัวละครกันบ้างที่ในภาคนี้เรียกได้ว่าค่อนข้างจะมีการเปลี่ยนแปลงบทบาทต่างๆ ของนักแสดงนำภายในเรื่องอยู่ไม่ใช่น้อย ยกตัวอย่างเช่นหัวหน้าทีมแก๊งนักซิ่งที่หลังจากภาคนี้ Dom เกิดเปลี่ยนฝั่งไปเข้ากับพวกผู้ก่อการร้าย (ด้วยความจำเป็น) จึงส่งผลให้เจ้าหน้าที่สุดล่ำอย่าง Luke Hobb ต้องก้าวเข้ามาทำหน้าที่นี้แทน (ซึ่งถ้าหากคุณผู้ชมได้ติดตามมาตั้งแต่ภาคก่อนหน้านี้ละก็จะเห็นได้ว่าตัวละครตัวนี้ค่อนข้างจะมีบทที่น้อยมากๆ ในภาคที่แล้ว) ในฐานะของหัวหน้าทีมนักซิ่งจำเป็นที่พร้อมลุยในทุกสถานการณ์ นอกจากนี้นักแสดงอีกคนหนึ่งที่ผมเชื่อแน่ๆ ว่าเขาน่าจะมีบทบาทสำคัญไม่ใช่น้อยในอนาคตก็คือชายนิรนามที่แสดงโดย Scott Eastwood ที่พี่แกแอบมีบุคลิกคล้ายกับตัวละครอย่าง Brian o' Conner ในภาคแรกๆ อยู่ไม่ใช่น้อยจนพูดได้ว่างานนี้เราต้องมาติดตามกันต่อแล้วละครับว่าเขาจะมีบทบาทยังไงบ้างในภาคต่อไป
ถึงแม้มันจะได้แต่ออกจะซ้ำซากอยู่ไม่ใช่น้อย
ถึงแม้ว่าตัวหนังจะคงความสนุกและได้มาตรฐานเป็นอย่างดี แต่ Fast and Furious 8 นั้นโดยส่วนตัวผมว่ามันยังไม่แปลกใหม่เท่าไหร่นักเมื่อเทียบกับภาค 6 และ 7 ที่ยังคงเน้นฉาก Action ตูมตามเหมือนเดิมจะเปลี่ยนก็แค่ตัวร้ายในภาค 8 เท่านั้นที่นอกจากเธอจะสวย เก่ง สุขภาพดี (อันนี้ขอขายของนิดหนึ่ง อิอิ) แล้วเธอยังเป็นตัวร้ายตัวแรกที่เป็นผู้หญิงอีกต่างหากซึ่งจุดนี้ผมมองว่ามันค่อนข้างเปลี่ยนแปลงไปมากเลยทีเดียว หลังจากที่หนังให้ตัวละครชายเป็นผู้ร้ายมาโยตลอด งานนี้เราต้องมาดูกันครับว่าเธอจะมีบทบาทที่สำคัญยังไงในภาคนี้ในฐานะของผู้กุมความลับที่จะทำให้คุณต้องประหลาดใจแบบสุดๆ
หนังดีน่าดู
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าตัวภาพยนตร์จะมีเนื้อเรื่องที่ค่อนข้างจะซ้ำซากกับในภาคที่แล้ว แต่ตัวหนังมันยังคงความสนุกและความมันชนิดหยุดไม่อยู่ โดยเฉพาะกับฉากสุดท้ายของเรื่องที่ไล่ล่ากันบนน้ำแข็งเรียกได้ว่าเป็นจุด Climax ที่ต้องห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวงเลยทีเดียวละครับสำหรับหนังเรื่องนี้