Windows Loader Download
คดีฆาตกรรมขั้นบันได - จากเรื่องจริงสู่สารคดีของเน็ตฟลิกซ์

  May 3, 2019   eyeicon  2555 view   Moodymuay

คดีฆาตกรรมขั้นบันได

 

'คดีฆาตกรรมขั้นบันได'จากเรื่องจริงสู่สารคดีของเน็ตฟลิกซ์ ที่บอกเล่าเรื่องราวของไมเคิล ปีเตอร์สัน และคดีฆาตกรรมสุดประหลาด

ในปี 2001 แคทลีน ปีเตอร์สันถูกพบเสียชีวิตอยู่ที่ชั้นล่างของบันไดที่บ้านในนอร์ท แคโรไลนา ซึ่งเธออยู่ร่วมกับสามีและนักเขียนนวนิยายที่ชื่อไมเคิล ปีเตอร์สัน "ภรรยาของผมเกิดอุบัติเหตุ" ไมเคิล โทรแจ้งกับ 911 "เธอยังคงหายใจอยู่ เธอตกบันได" หลังจากนั้นไม่นานไมเคิลก็ถูกแจ้งข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา

การไต่สวนตามมาด้วยเรื่องราวอันพลิกผันและทฤษฎีที่แสนผิดปกติ ทั้งการโยนสาเหตุการเสียชีวิตของแคทลีนไปที่การจู่โจมของนกฮูก และการเชื่อมโยงกับคดีฆาตกรรมนี้กับคดีอื่น ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดนี้ได้รับการบันทึกไว้ในสารคดีความยาว 13 ตอนที่ชื่อ 'คดีฆาตกรรมขั้นบันได' และนี่คือบทสรุปเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น

 

การเสียชีวิตที่คล้ายคลึงกัน

คดีฆาตกรรมขั้นบันได

ก่อนไมเคิลจะพบกับแคทลีน ย้อนกลับไปในปี 1986 เขาอาศัยอยู่กับภรรยาคนแรกที่ชื่อแพทริเซีย ปีเตอร์สัน ที่ประเทศเยอรมัน แพทริเซียเป็นครูโรงเรียนประถมศึกษาในฐานทัพทหารอเมริกันที่เยอรมัน ทั้งคู่มีลูกชาย 2 คนที่ชื่อเคลย์ตันและทอดด์ ในขณะอยู่ต่างประเทศแพทริเซียและไมเคิลได้เป็นเพื่อนกับเอลิซาเบธ แร็ทลิฟฟ์ แม่ม่ายของลูกสาว 2 คน ที่สามีของเธอถูกฆ่าตายขณะปฏิบัติภารกิจทางทหาร

ทั้ง 2 ครอบครัวสนิทกันเป็นอย่างดี จนกระทั่งในตอนเช้าของเดือนพฤศจิกายน 1985 เอลิซาเบธก็ถูกพบเสียชีวิตอยู่ที่ชั้นล่างของบันไดในบ้าน และในตอนเย็นก่อนวันที่เธอจะเสียชีวิตนั้น ไมเคิลก็ไปที่บ้านของเธอเพื่อช่วยพาลูกๆ ทั้ง 2 ซึ่งก็คือมาร์กาเร็ตและมาร์ธาเข้านอน

ในตอนแรกทุกคนดูจะเชื่อว่าเอลิซาเบธเสียชีวิตจากการตกบันได จนกระทั่งแคทลีนถูกพบว่าเสียชีวิตในวิธีที่คล้ายคลึงกัน เมื่อพี่สาวของเอลิซาเบธได้ยินเกี่ยวกับความตายของแคทลีน เธอก็โทรหาตำรวจที่รับผิดชอบคดีนี้ทันที เธอบอกกับตำรวจว่า "คุณได้ตระหนักหรือไม่ว่าสิ่งเดียวกันนี้เกิดขึ้นกับแม่ของมาร์กาเร็ตและมาร์ธา และไมเคิล ปีเตอร์สันเป็นคนสุดท้ายที่อยู่กับเธอ" การเสียชีวิตของเอลิซาเบธ ถูกรื้อขึ้นมาตรวจสอบอีกครั้งและถูกพิจารณาในฐานะคดีฆาตกรรม แม้คณะลูกขุนในคดีของแคทลีนจะกล่าวว่าพวกเขาแยกการเสียชีวิตของทั้งคู่ออกจากกันในขณะตัดสินคดีก็ตาม

 

 

ชีวิตสุขสันต์ในเดอร์แฮม

คดีฆาตกรรมขั้นบันได

หลังจากการเสียชีวิตของเอลิซาเบธ ครอบครัวปีเตอร์สันก็รับเลี้ยงดูมาร์กาเร็ตและมาร์ธาต่อไป ไมเคิลและลูกๆ ย้ายกลับมาที่สหรัฐอเมริกาเมื่อชีวิตแต่งงานของแพทริเซียและไมเคิลเริ่มพังทลายลงในกลางยุค 80 มาร์กาเร็ตและมาร์ธาเป็นผู้ชักนำให้ไมเคิลได้รู้จักกับแคทลีน-ภรรยาคนถัดมาของเขา เนื่องจากทั้งคู่เป็นเพื่อนเล่นกับลูกสาวของแคทลีนที่ชื่อเคทลิน ซึ่งอาศัยอยู่บนถนนเดอร์แฮม ในนอร์ท แคโรไลนา จนกระทั่งในปี 1987 ทั้ง 2 ครอบครัวก็ย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกัน 

ไมเคิลเป็นอดีตนักคอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์และเขียนนวนิยายจำนวนหนึ่ง ซึ่งรวมทั้งหนังสือยอดนิยมในยุค 1990 ที่ชื่อ "WWII-era book A Time of War" ไมเคิลได้รับเงินล่วงหน้าจากสำนักพิมพ์มากกว่าครึ่งล้านดอลลาร์สำหรับการเขียนหนังสือ 1 เล่ม ส่วนแคทลีนเป็นผู้บริหารบริษัทโทรคมนาคม ทั้งคู่ร่วมกันเลี้ยงดูเด็กๆ ในบ้านหลังใหญ่ ไมเคิลกล่าวว่า "เราอยู่ด้วยกันมานานกว่า 14 ปี และมีความสุขในทุกๆ ปี" 

 

การเสียชีวิตของแคทลีน

คดีฆาตกรรมขั้นบันได

ครอบครัวใหญ่อันแสนสุขได้แตกสลายลงในวันที่ 9 ธันวาคม 2001 เมื่อไมเคิลโทรหา 911 เพื่อแจ้งเหตุร้ายที่เกิดกับแคทลีน ในตอนเย็นของวันนั้น ไมเคิลกล่าวว่าทั้งคู่กินอาหารเย็นร่วมกัน ก่อนจะดูหนังเรื่อง America’s Sweethearts และย้ายไปนั่งเล่นที่ริมสระน้ำ ไมเคิลอ้างว่าแคทลีนแยกตัวไปเข้านอนก่อนในขณะที่เขาสูบไปป์อยู่ด้านนอก ทนายความของไมเคิลอ้างว่าแคทลีนดื่มไวน์และกินยาแวเลียม (ยาคลายกังวล) เข้าไป ก่อนจะพยายามเดินขึ้นบันไดที่มีแสงน้อยและตกลงมา ก่อนจะเสียเลือดจนเสียชีวิต

แต่เมื่อนักสืบอาร์ท ฮอลแลนด์ แห่งสถานีตำรวจเดอร์แฮมมาถึงที่บ้านของครอบครัวปีเตอร์สัน สถานที่เกิดเหตุก็สร้างความสงสัยให้กับเขาในทันที แคทลีนนอนแผ่อยู่ที่พื้นในขณะที่หัวของเธอพาดอยู่ที่บันไดด้านหลัง นอกจากนี้ตำรวจยังเห็นขวดไวน์และแก้ว 2 ใบบนเคาน์เตอร์ครัวที่เหมือนจะบอกเป็นนัยๆ ว่าทั้งคู่ได้ผ่านยามเย็นอันผ่อนคลายและนั่งจิบไวน์ด้วยกัน ยกเว้นแต่ว่ารอยนิ้วมือของแคทลีนไม่ได้อยู่บนแก้วทั้ง 2 ใบนั้นแต่อย่างใด ที่จริงแล้วแพทย์ผู้ชันสูตรแจ้งว่าปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดของเธอต่ำมาก 

คดีฆาตกรรมขั้นบันได

นอกจากนี้แพทย์นิติเวชยังกล่าวว่าแคทลีนถูกทุบตีจนเสียชีวิตและมีบาดแผลลึกถึง 7 แผลบนหนังศีรษะ เลือดบริเวณรอบตัวของเธอส่วนใหญ่เริ่มแห้งตัว ซึ่งหมายความว่าเธอนอนอยู่ที่บันไดชั้นล่างมาเป็นเวลานาน และอาจจะนานถึง 2 ชั่วโมงเลยทีเดียว ผู้เชี่ยวชาญด้านการกระจายของเลือดกล่าวว่าหยดเลือดรอบๆ ช่องบันไดนั้นเกิดจากการใช้อาวุธทุบตี

 

ชีวิตลับของไมเคิล

คดีฆาตกรรมขั้นบันได

ไม่นานหลังจากพบศพของแคทลีน ไมเคิลก็ตกเป็นผู้ต้องสงสัยหลักก่อนจะถูกจับและตั้งข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนาตามมา การไต่สวนคดีของเขาเริ่มต้นขึ้นในเดือนกรกฎาคม 2003 อัยการแย้งว่าแรงจูงใจของเขานั้นมีความเชื่อมโยงกับรสนิยมทางเพศของไมเคิล และเชื่อว่าแคทลีนค้นพบรูปโป๊ของชายหนุ่มเป็นจำนวนกว่า 2,000 รูปในคอมพิวเตอร์ของไมเคิล นอกจากนี้ยังมีอีเมลที่ไมเคิลพูดคุยกับโสเภณีชายเป็นเวลานานกว่า 4 เดือนก่อนหน้าที่จะเกิดการฆาตกรรม และชายหนุ่มคนนั้นเป็นคนที่ไมเคิลวางแผนจะเดินทางไปพบอีกด้วย อัยการตั้งทฤษฏีว่าแคทลีนพบเข้ากับรูปและอีเมล ทำให้เกิดการทะเลาะวิวาทระหว่างทั้งคู่และนำไปสู่การเสียชีวิตของแคทลีนในที่สุด

 

 

ไมเคิลถูกตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา

คดีฆาตกรรมขั้นบันได

ในวันที่ 10 ตุลาคม 2003 คณะลูกขุนพบว่าไมเคิลมีความผิดในข้อหาฆาตกรรมภรรยา เขาถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตโดยไม่ได้รับการลดโทษ ไมเคิลยืนยันความบริสุทธิ์ของเขาโดยกล่าวว่า "ผมไม่ได้ทำอะไร ผมบริสุทธิ์ ผมยังคงไม่เชื่อจนกระทั่งคณะลูกขุนอ่านว่าผมถูกตัดสินจำคุก" และไมเคิลก็ยังคงยืนยันความบริสุทธิ์ของเขาจนถึงทุกวันนี้ เขากล่าวในสารคดีว่า "พวกเขาโกหก พวกเขาโกง และทำทุกอย่างเพื่อลงโทษผม"

 

ทฤษฏีนกฮูก

คดีฆาตกรรมขั้นบันได

ในปี 2009 อัยการนำเสนอทฤษฏีใหม่ที่อ้างถึงหลักฐานที่น่าสนใจว่า ไมเคิลไม่ได้เป็นผู้รับผิดชอบต่อการเสียชีวิตของแคทลีน แต่ที่จริงแล้วเป็นนกฮูกต่างหาก "ทฤษฏีนกฮูก" นี้คาดว่าผู้ก่อเหตุเป็นนกฮูกพันธุ์ Barred Owl เป็นสายพันธุ์ที่พบได้ทั่วไปในเดอร์แฮม ซึ่งบินมาพันกับผมของแคทลีน ทำให้เกิดการบาดเจ็บอย่างรุนแรงและผิวหนังบนศีรษะบางส่วนจึงหลุดหายไป และทำให้แคทลีนตกลงมาเสียชีวิตที่บันไดชั้นล่าง จากการชันสูตรพลิกศพเปิดเผยว่าแคทลีนมีแผลถึง 7 แผล ซึ่งรวมทั้ง 1 แผลลึกที่ด้านหลังของหนังศีรษะ นอกจากนี้ยังมีต้นสนติดอยู่ที่มือข้างหนึ่งของเธอและในมือซ้ายของแคทลีนยังมีขนนกเล็กๆ สามเส้นติดอยู่อีกด้วย

 

ไมเคิลรอดตัวจากหลักฐานที่ผิดพลาด

คดีฆาตกรรมขั้นบันได

ในปี 2011 ผู้พิพากษายกเลิกคำตัดสินและสั่งให้มีการไต่สวนคดีใหม่ หลังจากพบว่าผู้เชี่ยวชาญด้านการกระจายของเลือดให้หลักฐานที่ผิดและชี้นำไปสู่ความเข้าใจผิดในการพิพากษาคดีครั้งแรกของไมเคิล ทิโมธี พาล์มแบค แห่งภาควิชานิติวิทยาศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยนิวเฮเวนให้การว่า นักวิเคราะห์นั้นโฟกัสไปที่หยดเลือดบางจุดในที่เกิดเหตุเท่านั้น และยังไม่เปิดเผยต่อคณะลูกขุนว่ามีเลือดจุดอื่นๆ ในที่เกิดเหตุที่ไม่ตรงกับสิ่งที่เขาค้นพบอีกด้วย นอกจากนี้ผลการทดสอบจำนวนมากของนักวิเคราะห์นั้นดูจะใช้เพื่อยืนยันทฤษฎีมากกว่าจะเรียงลำดับหลักฐานเพื่อหาสถานการณ์ที่อาจเป็นไปได้มากที่สุด

การไต่สวนยังคงดำเนินไปจนกระทั่งในเดือนกุมภาพันธ์ 2017 ไมเคิลได้ทำข้อตกลงอัลฟอร์ด และยอมรับผิดในข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนาเพื่อแลกกับการไม่ต้องเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีอีกครั้ง ไมเคิลได้รับการปล่อยตัวหลังจากถูกจำคุกมานานถึง 8 ปี ส่วนอัยการหวังว่าการยอมรับผิดของไมเคิลจะนำความยุติธรรมมาให้กับครอบครัวของแคทลีนได้

 

คดีฆาตกรรมขั้นบันได

แม้การยอมรับผิดจะทำให้ไมเคิลมีความผิดจริง แต่มันก็ไม่ได้แก้ไขปริศนาการเสียชีวิตของแคทลีนแต่อย่างใด แคนเดซ แซมเพอรินี น้องสาวของแคทลีนตะโกนใส่ไมเคิลในระหว่างการพิจารณาคดีว่า "คุณพรากชีวิตผู้หญิงที่หาเลี้ยงคุณ ปกป้องลูกๆ ของคุณ และคนที่รักคุณอย่างโหดร้ายทารุณ"

ปัจุบันไมเคิลเป็นคุณตา/คุณปู่ของหลานๆ 2 คน เขาอาศัยอยู่ในคอนโดขนาด 2 ห้องนอน และวางแผนจะไปเยี่ยมครอบครัว พร้อมกับเขียนหนังสือเล่มใหม่อีกด้วย

 

ติดตามสารคดี"คดีฆาตกรรมขั้นบันได" ได้ทาง เน็ตฟลิกซ์

 

Cr.esquire

 

Moodymuay

Moodymuay


Moodymuay

Moodymuay

A STORYTELLER AND CONTENT EXPLORER