เทรนด์แฟชั่นล้ำโลกในอดีตที่ไม่ควรทำตาม

  Oct 9, 2018   eyeicon  1371 view   Moodymuay

เทรนด์แฟชั่นล้ำโลกในอดีตที่ไม่ควรทำตาม
Photo by fiveminutehistory

 

แฟชั่นเก๋ๆ ใครก็อยากตาม แต่แฟชั่นแบบนี้ตามไหวหรือไม่ ลองถามใจดู!?

 

1.รองเท้าดอกบัว (Lotus Shoes)

รองเท้าดอกบัว
Photo by NC SA

รองเท้าดอกบัวถูกสวมใส่โดยหญิงสาวชาวจีนมานานหลายศตวรรษ พ่อแม่จะหักและพันนิ้วเท้าของเด็กสาวเอาไว้ เพื่อให้เท้ามีขนาดเล็กและเพื่อแสดงถึงความเป็นผู้หญิง เท้าของเด็กหญิงจะถูกพันไว้ด้วยริบบิ้นยาวมากๆ เพื่อป้องกันการเจริญเติบโตของเท้า เพราะยิ่งเท้าเหี่ยวและขนาดเท้าลดลงเท่าไหร่ก็ยิ่งดี กระบวนการพันเท้านี้ส่วนใหญ่จะใช้เวลาประมาณ 2-3 ปี และเท้าของเด็กสาวจะถูกพันทิ้งไว้ตลอดชีวิต

หญิงสาวที่ถูกพันเท้าส่วนใหญ่จะต้องใส่รองเท้าดอกบัว ที่มีรูปทรงกรวยคล้ายดอกบัวตูม ซึ่งทำจากผ้าไหมหรือผ้าฝ้าย และมักจะประดับตกแต่งด้วยดอกไม้, สัตว์ หรือรูปทรงอื่นๆ ตามยุคสมัย

 

 

2.ชุดสารหนู (Arsenic Dresses)

ชุดสารหนู
Photo by mdhs.org

ชุดสีเขียวเข้มนั้นเป็นที่นิยมมากในยุควิคตอเรียน และการผสมผสานชุดให้ลงตัวนั้นก็มีราคาสูงมาก เพื่อให้ได้สีเขียวที่สวยงาม เนื้อผ้านั้นต้องย้อมด้วยสารหนูจำนวนมาก ซึ่งส่งผลให้หญิงสาวหลายคนที่สวมใส่ชุดนี้ต่างคลื่นไส้, การมองเห็นบกพร่อง และผิวหนังมีปฏิกิริยาต่อสีย้อม แต่โชคดีที่ชุดสียอดนิยมนี้จะถูกสวมใส่เฉพาะโอกาสพิเศษเท่านั้น ทำให้ผู้สวมใส่ได้รับพิษจากสารหนูน้อยมาก แต่ในทางกลับกัน กลับมีช่างตัดเสื้อจำนวนมากที่ตายเพราะสัมผัสกับแฟชั่นสุดสยองนี้

 

 

3. ปลอกอัณฑะ (Codpieces)

ปลอกอัณฑะ
Photo by Wikimedia Commons

ในศตวรรษที่ 15 และ 16 บรรดาผู้ชายจะอวดความเป็นชายของพวกเขาด้วยปลอกอัณฑะ ซึ่งส่วนใหญ่จะทำมาจากเบาะผ้า, ผ้าปัก หรือแม้กระทั่งโลหะ ก่อนจะทำการติดกับกางเกงด้วยกระดุม, การเย็บ หรือการผูก โดยปลอกอัณฑะนั้นดีไซน์มาเพื่อสรรเสริญและยกย่องอวัยวะแห่งความเป็นชาย  ในที่สุดปลอกอัณฑะก็ตกเทรนด์ไปในที่สุดเมื่อมีกางเกงขี่ม้าเข้ามาแทนที่

4. รองเท้ายืดยาว (Crakowes)

รองเท้ายืดยาว
Photo by Muckley 1386

รองเท้าสุดยาวนี้เป็นที่นิยมของผู้ชายทั่วยุโรปในช่วงปลายศตวรรษที่ 14 สาเหตุที่รองเท้าถูกตั้งชื่อเป็นภาษาโปแลนด์เนื่องจากมันถูกนำมาสู่อังกฤษโดยขุนนางโปแลนด์ เมื่อรองเท้าถูกพบเห็นครั้งแรกในสนาม มันก็กลายเป็นที่นิยมในทันที แม้ว่ารองเท้าจะมีความยาวตั้งแต่ 6 - 24 นิ้วก็ตาม แต่รองเท้ายืดยาวนี้ก็กลายเป็นเครื่องบ่งชี้สถานะทางสังคมได้เป็นอย่างดี เพราะยิ่งรองเท้ายาวเท่าไหร่ก็แปลว่าผู้สวมใส่ยิ่งมีตำแหน่งสูงเท่านั้น

บางครั้งโซ่ต้องถูกนำมาผูกติดไว้ระหว่างหัวรองเท้าและเข่าของผู้สวมใส่ เพื่อให้พวกเขาสามารถเดินได้ ซึ่งนักอนุรักษ์นิยมและผู้นำคริสตจักรหลายคนต่างก็มองว่ารองเท้านี้เป็นสิ่งไร้สาระและเป็นอันตราย จนพวกเขาเรียกรองเท้านี้ว่า "นิ้วปีศาจ"

 

 

5. กระโปรงเดินเซ (Hobble Skirts)

กระโปรงเดินเซ
Photo by 100yearsagoinmemphis

ในปี 1910 Paul Poiret  ดีไซน์เนอร์ชาวฝรั่งเศสผู้ได้รับการขนานนามว่า"ราชาแห่งแฟชั่น"ในอเมริกา ได้นำเสนอ"กระโปรงเดินเซ"ต่อสาธารณชน ซึ่งเป็นกระโปรงยาวและรัดติ้วที่บริเวณชายกระโปรง ทำให้หญิงสาวที่สวมใส่มันต้องเดินด้วยก้าวเล็กๆ อย่างมีจริตแทน แม้ Paul จะเป็นผู้ปลดปล่อยผู้หญิงจากเทรนด์กระโปรงสุ่มอันหนาหนักและคอร์เซ็ท แต่เขากลับมัดขาสาวๆเอาไว้แทน

 

 

6. แผ่นเสริม (Bombasts)

แผ่นเสริม
Photo by WIKIPEDIA COMMONS

แผ่นเสริมชิ้นนี้เป็นที่นิยมทั้งในหมู่ผู้หญิงและผู้ชายในช่วงศตวรรษที่ 16 แผ่นเสริมนี้มีหลายรูปแบบ ทั้งผ้าฝ้าย, ขนสัตว์ หรือแม้แต่ขี้เลื่อยก็ถูกนำมาใช้เพื่อเพิ่มความหนาให้กับเสื้อผ้า โดยเฉพาะแขนเสื้อในหมู่ผู้หญิง ส่วนผู้ชายมักจะใส่แผ่นเสริมเพื่อเพิ่มขนาดเสื้อรัดรูปของพวกเขา ให้หน้าท้องดูใหญ่ขึ้น หรือยัดแผ่นเสริมไว้ที่น่องเพื่อให้ดูมีกล้ามเนื้อขึ้น

 

7. สุ่มกระโปรง (Panniers)

สุ่มกระโปรง
Photo by Pietro Longhi

สุ่มเป็นที่นิยมอย่างมากในช่วงศตวรรษที่ 17 และ 18 สุ่มจะถูกใส่เข้าไปข้างในกระโปรงเพื่อขยายขนาดของกระโปรงและเดรส ให้กางออกบริเวณด้านข้างของสะโพก สุ่มนี้มีหลายขนาดและทำมาจากวัสดุหลายชนิดทั้งกระดูกปลาวาฬ, ไม้, เหล็ก และกก

สุ่มขนาดใหญ่จะถูกสวมใส่ในโอกาสพิเศษเพื่อแสดงถึงสถานะทางสังคมของผู้สวมใส่ หญิงสาวชนชั้นสูงจะไม่สามารถเดินเข้าประตูพร้อมกัน หรือนั่งโซฟาตัวเดียวกันได้เนื่องจากขนาดของสุ่ม นอกจากนี้สุ่มยังสวมใส่ไม่สบาย จำกัดการเคลื่อนไหวและกิจกรรมต่างๆอีกด้วย

 

 

8. รองเท้าเสริมแพลตฟอร์ม (chopines)

รองเท้าเสริมแพลตฟอร์ม
Photo by mycostumehistory

ในช่วงศตวรรษที่ 16 หญิงชนชั้นสูงนั้นนิยมสวมรองเท้าเสริมแพลตฟอร์มที่ทำมาจากไม้หรือไม้ก๊อก ก่อนจะหุ้มด้วยหนัง, ผ้า หรือกำมะหยี่ปักอัญมณี รองเท้าเหล่านี้ถูกสวมใส่เพื่อบ่งบอกสถานะทางสังคม ยิ่งรองเท้าสูงเท่าไหร่ยิ่งเป็นชนชั้นสูงมากเท่านั้น บางครั้งผู้สวมใส่ต้องใช้คนประคองระหว่างเดิน เนื่องจากรองเท้าสูงเกินไปจนไม่สามารถเดินได้อย่างมั่นคง

 

 

9. ชุดชั้นในรัดหน้าอก (Breast Flatteners)

ชุดชั้นในรัดหน้าอก
Photo by witness2fashion

ในยุค 1920 หญิงสาวที่มีหุ่นแบบนาฬิกาทรายจะสามารถมีรูปร่างแบบเด็กชายได้ด้วยชุดชั้นในแบบใหม่ ซึ่งสามารถทำให้หน้าอกและร่างกายแบนเรียบลง เพื่อให้สวมใส่เสื้อผ้าได้อย่างเรียบเนียนโดยไม่ถูกส่วนโค้งเว้าของร่างกายรบกวน 

 

 

10. เดรสก้นงอน (Bustles)

 เดรสก้นงอน
Photo by historicalsewing

เดรสก้นงอนนี้เป็นที่นิยมอย่างมากในยุค 1870 โดยเดรสรุ่นแรกสุดจะใช้ผ้าจำนวนมากมาเย็บรวมกันและจับจีบบริเวณด้านหลังของเดรส ในยุคต่อมาเดรสจะถูกทำให้พองด้วยหมอนขนาดใหญ่ที่อัดแน่นไปด้วยฟางแทน หญิงสาวส่วนใหญ่ที่สวมมันมักจะมีรูปร่างที่ดูเกินจริงและเหมือนมีขาหลัง

 

 

Cr.ranker

Moodymuay

Moodymuay


Moodymuay

Moodymuay

A STORYTELLER AND CONTENT EXPLORER